Tuesday, May 1, 2012

ผลไม้ต้องห้ามยามลูกป่วย


ผลไม้ต้องห้ามยามลูกป่วย (modernmom)

          ถึงแม้ผลไม้จะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวเล็กจะสามารถกินผลไม้ทุกชนิดได้ทุกเวลานะคะ เพราะผลไม้มีผลต่ออาการเจ็บป่วยของลูกเหมือนกัน แต่ป่วยแบบไหนไม่ควรกินผลไม้อะไรต้องติดตามค่ะ
ไอ อาการไออาจเป็นผลจากการระคายเคืองโดยตรงต่อปอด หรือจากน้ำมูกที่ไหลลงในหลอดลมซึ่งเกิดจากการคั่งของมูกในทางเดินหายใจ ซึ่งการที่เราต้องไอออกมานั้น เป็นเพราะร่างกายกำลังพยายามทำให้ปอดและทางเดินหายใจโล่งขึ้น และการไอยังเป็นกลไกหนึ่งของการกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในทางเดินหายใจ ด้วย

          Don’t : ผลไม้ฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม แคนตาลูป หรือแตงไทย เพราะส่วนใหญ่ผลไม้กลุ่มนี้มักเป็นผลไม้ที่มีน้ำมากและจะทำให้เกิดการระคาย เคืองภายในลำคอความเย็นจะกระตุ้นทำให้เกิดอาการไอมากขึ้น และจะทำให้หายใจไม่สะดวก

          Do : น้ำสับปะรดผสมน้ำผึ้ง เนื้อลูกพลับ มะขามป้อม และส้มโอคั้นเอาเฉพาะน้ำ ถ้าเปรี้ยวมากอาจผสมน้ำอุ่นต่อน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ


ไข้หวัด เมื่อลูกเป็นไข้หวัดมักมีอาการไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ไอเล็กน้อย น้ำมูกไหล คัดจมูก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาจเจ็บคอหรือคอแดงเล็กน้อย ถ้ามีไข้สูงจะเหนื่อยหอบ และอาจจะมีอาการชักได้

          Don’t : ผลไม้ที่มีแป้งมาก มีไขมันมาก มีลักษณะที่แข็ง และย่อยยาก เช่น มะม่วงดิบ มะละกอ หรือกล้วย เพราะเมื่อลูกป่วยเป็นไข้หวัด ร่างกายจะมีอุณหภูมิที่สูงมากอยู่แล้ว ถ้ากินผลไม้ดังกล่าวร่างกายต้องเผาผลาญมาก เมื่อเกิดพลังงานความร้อนร่างกายก็จะมีอุณหภูมิที่สูงมากขึ้นอาจทำให้ชักได้

          Do : มะเฟือง ส้ม แตงโม น้ำแคนตาลูป

         Tip : หลังจากที่คุณลูกหายไข้แนะนำให้คุณแม่บำรุงร่างกายและป้องกันการกลับมาป่วย ซ้ำของลูกด้วยผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ฝรั่งขี้นกค่ะ

ท้องเสีย ปกติวัยขวบปีแรกที่กินนมแม่มักจะถ่ายวันละ 4-5 ครั้งต่อวัน แต่ถ้าลูกถ่ายอุจจาระเหลวตั้งแต่ 3 ครั้งต่อวันขึ้นไป หรือถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายมีมูกหรือมูกเลือด 1 ครั้งขึ้นไป ร่วมกับอาการไข้หรืออาเจียน จะถือว่าลูกมีภาวะท้องเสียค่ะ

          Don’t : ผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย เช่น มะขาม ลูกพรุน กล้วยสุก หรือมะละกอสุก ผลไม้ที่มีกากใยแบบไม่ละลายน้ำ เช่น ชมพู่ แตงโม หรือสับปะรด และผลไม้ที่มีรสหวานจัด ผลไม้ที่มีรสหวานจัดมีน้ำตาลมาก ได้แก่ ลำไย ทุเรียน ลิ้นจี่ เงาะ ขนุน เพราะผลไม้ที่มีรสหวานมีน้ำตาลในผลไม้ไม่ต้องผ่านการย่อย แต่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย ซึ่งถ้ามีมากอาจทำให้ท้องเสียได้

          Do : แอปเปิ้ล น้ำมะพร้าว เนื้อกล้วยดิบมาฝานเป็นแผ่นบางๆ ปิ้งไฟให้สุก บดเป็นผงผสมน้ำหวานให้เจ้าตัวเล็กกินครั้งละ ½-1 ลูก ทุกๆ 2-4 ชั่วโมง

ท้องผูก ลูกวัย 6 เดือนถึง 4 ปี จะมีอาการท้องผูกมากที่สุดค่ะ ความถี่ของการอุจจาระที่บ่งบอกว่าลูกท้องผูกคือ ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออาจถ่ายทุกวันแต่ต้องเบ่งมากและอุจจาระแข็งอาจจะเป็นก้อนเล็กๆ คล้ายลูกกระสุนปืนอัดลม หรือก้อนใหญ่ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บปวดมากเวลาเบ่งถ่าย หรือบางครั้งอาจมีเลือดติดออกมาด้วยเพราะรูทวารฉีกขาด ซึ่งจะทำให้ลูกรู้สึกกลัวการถ่ายจึงพยายามกลั้นเอาไว้

          Don’t : ผลไม้ที่มีใยอาหารแบบไม่ละลายน้ำ เช่น ฝรั่ง มะม่วงดิบ รวมถึงมันและถั่วต่างๆ ผลไม้ที่มีลักษณะแข็ง มักจะย่อยยาก มีแก๊สมากทำให้อึดอัดแน่นท้อง และไม่สบายตัว

         Do : มะเฟือง พรุน กล้วย องุ่น มะละกอ แอปเปิ้ล (มีวิตามินบี 5 ซึ่งช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น) น้ำมะพร้าว (มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ) น้ำส้ม ผลส้ม สับปะรด และน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น

          เมื่อ เจ้าตัวเล็กไม่สบายครั้งต่อไป คุณแม่ก็รู้แล้วนะคะว่า ควรให้ลูกเลี่ยงผลไม้ชนิดใดเป็นพิเศษ และควรกินผลไม้ชนิดใด เพื่อช่วยให้อาการต่างๆ ของลูกดีขึ้น

แหล่งข้อมูลที่มา  กระปุกดอทคอม / MODERNMOM

No comments:

Post a Comment