หยุด…อย่ากังวลกลัวจนเกินไปค่ะ
ขอบอกว่าปัญหานี้แก้ได้ง่าย เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ต้องปรับวิธีคิดและยอมให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง
ส่วนที่เหลือก็แค่ฝึกฝนเจ้าตัวเล็กตามเทคนิคต่อไปนี้ค่ะ
ถ้าไม่ป้อน…หนูไม่ยอมกิน
โดยปกติเด็กจะมีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็ก
ที่พยายามใช้มือหยิบฉวยคว้าสิ่งของเมื่ออายุประมาณ 3-4 เดือน ค่ะ และจะเริ่มพัฒนามาเป็นการหยิบด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วอื่นๆ
ตอนย่างเข้าเดือนที่ 5-6 จากนั้นเจ้าตัวเล็กของคุณจะควบคุมกล้ามเนื้อมือจนสามารถหยิบจับ
หรือถ่ายของระหว่างมือได้แม่นยำมากขึ้น พอถึงเดือนที่ 8-9 พ่อแม่ก็ควรเริ่มฝึกให้ลูกหยิบอาหารกินเองได้แล้ว
เพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกพัฒนาและแข็งแรงขึ้นค่ะ
แต่ถ้าอายุ 2 ขวบกว่าแล้ว
ยังไม่ยอมตักข้าวกินเอง ต้องรอให้คุณป้อนข้าวเป็นประจำ นั่นก็เป็นเพราะว่าไม่ได้รับการฝึกให้กินเองอย่างถูกต้องตั้งแต่เล็กๆ
ค่ะ เพราะเด็กจะเรียนรู้จากการลงมือทำ ถ้าได้ลองทำเองบ่อยๆ ก็จะข้าใจ และสามารถทำได้เองในที่สุด
แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ฝึกให้ลูกกินเอง เมื่อถึงวัยที่ควรกินเองได้แล้ว
ลูกก็จะกลายเป็นเด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน
และคนที่จะเป็นกังวลที่สุดก็คงไม่พ้นตัวคุณนั่นเองค่ะ
ฝึกให้ลูกกินเอง…ตามวัย
คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกกินเองตามวัย
และตามพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็กของเขา ซึ่ง พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาบุคลากรการเจริญเติบโต
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีเทคนิคดีๆ มาแนะนำดังนี้ค่ะ
• อายุ
9-10 เดือน ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หยิบกระดุมหรือเชือกได้
Let’s
start : ควร
เริ่มฝึกลูกให้ใช้มือหยิบอาหารกินเอง (finger food) แต่ต้องเป็นอาหารชิ้นเล็กๆ
นิ่มๆ ลูกจะได้ไม่สำลักหรือติดคอ เช่น มะละกอสุก ขนมปังนิ่ม หรือมะกะโรนีต้มเปื่อย
และขณะที่ลูกหยิบอาหารเข้าปาก คุณแม่ควรบี้ให้อาหารนิ่มขึ้น ป้องกันการสำลักค่ะ
• อายุ
1 ขวบ ดื่มน้ำจากแก้วที่มีมือจับได้
Let’s
start :
ฝึกให้ลูกถือแก้วน้ำดื่มเอง ควรเริ่มใช้แก้วใบเล็กๆ เพราะจะได้ถือได้อย่างถนัดมือ
ในช่วงแรกของการฝึกลูกน้อยอาจสำลักได้ จึงควรให้เริ่มฝึกจากการดื่มน้ำเปล่าก่อน
และใส่น้ำในปริมาณน้อยๆ
• อายุ
1 ½ ขวบ สามารถต่อบล็อกไม้ได้ 2-3 ชิ้น
และยังสามารถถือช้อนป้อนอาหารเข้าปากได้
Let’s
start :
ฝึกใช้ช้อนตักอาหารเข้าปาก ควรใช้ถ้วยและช้อนที่มีขนาดเล็กๆ
ให้เหมาะกับมือของเด็ก
• อายุ 2 ขวบขึ้นไป สามารถใช้ช้อนตักอาหารกินเองได้ และดื่มน้ำจากแก้วได้ โดยไม่หกเลอะเทอะ
Let’s
start :
ควรสอนวิธีใช้ช้อนตักอาหารที่ถูกต้อง ใส่อาหารในถ้วย
แต่เพียงเล็กน้อยเพื่อให้ลูกรู้สึกภูมิใจว่ากินเองได้หมดถ้วย
หลักคิด
1. เริ่มฝึกกันใหม่
ต้องเริ่มฝึกให้ลูกกินเองตั้งแต่วันนี้เลยค่ะโดยคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่บังคับ หรือกดดันลูกนะคะ
เพราะเด็กวัย 1 ขวบขึ้นไป จะเริ่มเป็นตัวของตัวเองแล้ว และไม่ชอบการบังคับเป็นที่สุดค่ะ
2. จัดโต๊ะอาหารและกินข้าวไปพร้อมๆ
กัน ลูกจะได้เห็นบรรยากาศของมื้ออาหาร และยังได้เรียนรู้วิธีการกินอาหารจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย
แต่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็นนะคะ พยายามอย่าเลือกกินอาหารต่อหน้าลูก
3. ไม่ดูทีวีหรือทำกิจกรรมอื่น
เพราะอาจเบี่ยงเบนความสนใจในการกินอาหารของลูก
4. ไม่ควรใช้อาหารเป็นรางวัลหรือการลงโทษลูก
ถ้าเอาเรื่องกินอาหารมาใช้เป็นให้รางวัลหรือลงโทษ ลูกอาจจะเครียด หรืออาจใช้เรื่องกินมาเป็นเครื่องมือต่อต้านคุณพ่อคุณแม่ได้
5. กำหนดเวลาการกิน
ในแต่ละมื้อไม่ควรให้ลูกกินข้าวเกิน 20-30 นาที ค่ะ
6. จัดปริมาณอาหารให้เหมาะสม
ต้องไม่ลืมว่าลูกยังกินข้าวได้ในปริมาณน้อย จึงไม่ควรตักเยอะเกินไป
เพราะอาจทำให้ไม่อยากกินข้าว อมข้าว หรือกลายเป็นเด็กอ้วนไปเลยก็ได้ ทางที่ดีควรสังเกตจากน้ำหนักของลูกว่าต่ำกว่าเกณฑ์หรือเปล่า
ถ้ายังไม่ต่ำก็ไม่มีปัญหา
7. ปล่อยให้เลอะเทอะบ้าง
ช่วงแรกที่ฝึกให้กินเอง ลูกอาจจะทำอาหารเลอะเทอะเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งการที่ลูกได้ลองใช้มือหยิบจับขย้ำอาหารดูบ้าง
เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ลูกรู้จักอาหาร แต่คุณต้องไม่ลืมสอนลูกไปด้วยนะคะว่าอาหารเอาไว้กินไม่ใช่ของเล่น
8. ลดของว่างระหว่างมื้อ
ไม่ควรให้ลูกกินจุบจิบทั้งวัน เพราะจะทำให้ลูกไม่หิวเมื่อถึงมื้ออาหารค่ะ
ข้อควรระวัง
. . .
1. อย่าติดสินบนลูก
เช่น “ถ้ากินแตงกวาชิ้นนี้หมด แม่จะให้กินเค้กนะ” จะทำให้ลูกรู้สึกถูกบังคับและไม่ได้ช่วยให้ลูกอยากกินแตงกวาจริงๆ แถมยังสร้างนิสัยการกินผิดๆ
ให้กับลูกด้วย
2. ไม่บังคับให้ลูกกินอาหารที่ไม่ชอบ
เช่น ผักนานาชนิด เพราะถ้ายิ่งบังคับ ลูกจะต่อต้าน ทำให้เกลียดอาหารชนิดนั้นไปเลย
วิธีแก้คือ ควรปรับเปลี่ยนเมนูอาหารให้ลูก โดยเริ่มจากนำอาหารที่ลูกไม่ชอบมาทำเมนูใหม่ๆ
เช่นไข่ตุ๋นใส่ผัก หรือเลือกใช้ผักหลากสีอย่าง แครอท มะเขือเทศ ถั่วลันเตา
มาทำอาหาร ก็เพิ่มความน่าอร่อยไปอีกแบบ
3. อย่ายัดเยียดป้อนลูก
“อีกคำนะ” เพราะถ้าลูกอิ่มแล้ว แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังให้กินอีกเรื่อยๆ
บางครั้งลูกอาจอาเจียนหรือขย้อนอาหารออกมา คนป้อนก็จะรู้สึกกังวลหรือหงุดหงิด ทำให้มื้ออาหารของลูกกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปเลย
No comments:
Post a Comment