Saturday, May 3, 2014

ลูกพูดจาไม่น่ารักตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จะแก้ยังไงดี ?




         เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวที่ไร้มลทิน และสิ่งแวดล้อมผสมกับคำสั่งสอน รวมทั้งการเลี้ยงดูก็เป็นเหมือนพู่กันจุ่มสี ที่คอยแต่งแต้มให้ผ้าผืนขาวบริสุทธิ์มีสีสันตามแต่ที่จะกำหนด ซึ่งก็หมายความว่าเด็กจะโตมามีนิสัยเป็นยังไงก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยแวด ล้อมเหล่านี้ด้วย ยิ่งสมัยนี้เป็นยุคที่สื่อเป็นตัวแปรสำคัญที่หล่อหลอมพฤติกรรมเด็ก ๆ ทางอ้อมด้วยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ยิ่งต้องดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ไม่เช่นนั้นเด็ก ๆ อาจจะเผลอมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารักโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เอาได้ โดยเฉพาะการพูดจาไม่เพราะ หรือร้ายแรงไปถึงขั้นพูดคำหยาบ ที่ถือว่าเป็นเรื่องที่ควบคุมยากมากขึ้นทุกวัน แต่ถ้าเด็ก ๆ ของเราเริ่มพูดจาไม่เพราะให้ได้ยินบ้างแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรต้องรีบจัดการทันทีด้วยแนวทางต่อไปนี้ค่ะ

 เป็นแบบอย่างที่ดี

          การสั่งสอนที่ดีและลึกซึ้งมากที่สุดก็คือการทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะถ้าลูกรักกำลังเป็นเด็กเล็กเริ่มหัดพูด หัดจำ คุณพ่อคุณแม่ต้องงดพูดคำหยาบ หรือแม้แต่คำที่มีความหมายค่อนข้างรุนแรง และฟังแล้วให้ความรู้สึกไปในทางด้านลบ เช่น โง่ เลว กู มึง ให้เขาได้ยิน

          นอกจากนี้ก็ควรต้องสั่งสอนเขาให้เข้าใจอีกทีว่า พฤติกรรมแบบไหนควรทำ พฤติกรรมแบบไหนไม่น่ารัก อย่างถ้านั่งดูทีวีด้วยกันแล้วมีฉากโจรวิ่งราวทรัพย์ หรือมีการพูดคำหยาบกัน พ่อแม่ก็ต้องสอนเขาว่า การกระทำและการพูดจาแบบนี้ไม่ดี ไม่น่ารัก ทำแล้วจะไม่มีใครรักไม่มีใครสนใจ ปลูกฝังเขาตั้งแต่ยังเล็กแบบนี้เขาจะได้จำฝังใจและเกิดความเคยชินมากขึ้น

 แก้ไขพฤติกรรมของลูก

          ถ้าวันใดวันหนึ่งลูกพูดจาไม่น่ารักให้ได้ยิน เชื่อได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องตกใจกันแน่นอน แต่หลังจากหายอึ้งกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรรีบแก้ไขพฤติกรรมของลูกรักอย่างด่วน ๆ อาจจะถามที่มาที่ไปของคำพูดที่ไม่น่าฟังคำนั้นก่อน ว่าลูกไปได้ยินและไปจำมาจากไหน (หลายกรณีจะจำมาจากเพื่อนหรือทีวี) จากนั้นก็ต้องออกกฎให้เขารับรู้ไว้เลยว่าที่บ้านนี้ห้ามพูดจาไม่น่ารักอีก ถ้าเกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง คุณแม่ควรจะหามาตรการลงโทษเขาอย่างสมเหตุสมผล ข้อหาที่เขาไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของเรา

          ส่วนต้นตอของคำพูดที่ไม่น่ารัก ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน หรือบุคคลภายนอกที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถควบคุมได้ ยังพอมีหนทางจะแก้ไขได้บ้าง เช่น ถ้าลูกพูดคำหยาบให้ได้ยินบ่อย ๆ ไม่ซ้ำกัน และคุณแม่สืบมาได้ว่าติดพฤติกรรมนี้มาจากเพื่อนที่โรงเรียน แนะนำให้ไปพูดคุยกับคุณครูประจำชั้นให้ช่วยสอดส่องดูแล รวมไปถึงวานคุณครูช่วยแจ้งผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นว่าลูกของเขามีพฤติกรรม พูดจาไม่น่าฟังบ่อย ๆ ให้อีกฝ่ายเขาไปจัดการตามวิธีของตัวเองต่อไป

 สิ่งที่ควรทำเมื่อลูกพูดจาไม่สุภาพ

          จะว่าไปแล้วการพูดจาไม่สุภาพในวัยเด็กก็อาจจะเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรงเท่าไร เพราะเขาก็พูดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แถมบางครั้งกระทั่งความหมายของคำก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แต่ครั้นจะปล่อยเลยตามเลยแบบนั้นก็คงไม่เหมาะ เด็ก ๆ อาจจะติดนิสัยกลายเป็นคนพูดจาไม่น่าฟังไปจนโตเอาได้ ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ควรมีเทคนิคตั้งรับและจัดการกับปัญหาตามนี้เลย

       
คุณพ่อคุณแม่ควรสั่งสอนเขาด้วยเหตุและผล เอาน้ำเย็นเข้าลูบ และพยายามอย่าโมโหหรือใช้อารมณ์คุยกับลูก เพราะความรุนแรงของคำพูดที่ออกจากปากคุณพ่อคุณแม่เองก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำ ให้เขาอยากรับฟังหรือปฏิเสธเหมือนกันนะ

       
มีจุดยืนของกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน คำพูดที่คุณเห็นว่าไม่น่ารัก เด็กไม่เหมาะที่จะพูด คุณพ่อคุณแม่บ้านอื่นอาจจะโอเคกับมันก็ได้ ดังนั้นคุณต้องไม่ไขว้เขว และพยายามหาเหตุผลที่ไม่อยากให้ลูกพูดจาแบบนั้นให้เขาได้ฟังอย่างชัดเจนด้วย

       
ผู้ปกครองควรหาเหตุผลและต้นตอที่มาของการพูดจาไม่สุภาพของลูกก่อน เพราะเด็กบางคนจะพูดจาก้าวร้าวรุนแรงเฉพาะเวลาที่เขาโกรธ หรือไม่พอใจ เนื่องจากไม่มีทักษะการแสดงความโกรธในทางที่ถูกต้อง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ควรต้องสอนให้เขาจัดการกับความโกรธในแบบอื่นที่เหมาะสม กว่านี้

       
เมื่อลูกพูดคำหยาบ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรสั่งห้ามเขาพูดอย่างเด็ดขาดทันที แต่ควรจะใช้วิธียื่นข้อเสนอ รวมทั้งอธิบายว่าเป็นคำพูดที่ไม่น่ารัก เด็ก ๆ ไม่ควรพูด และถ้าเขาพูดจาแบบนี้อีก คุณพ่อคุณแม่จะไม่คุยด้วยแล้ว จากนั้นก็หันหน้าหนี หรือเดินหนีเขาไปเลยก็ได้ เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ว่าถ้าพูดจาแบบนี้อีก จะไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ หรือคุยกับเขาอีกเลย และเขาก็จะหยุดพฤติกรรมนั้นไปเองโดยอัตโนมัติ

          ในช่วงเวลาที่ลูกรักยังเป็นเด็กเล็กที่ไม่รู้เดียงสาเท่าไรนัก ก็อาจจะแสดงพฤติกรรมที่ไม่น่ารักออกมาบ้างเป็นปกติ แต่สำคัญตรงวิธีจัดการของคุณพ่อคุณแม่ หากมีแนวทางรับมือกับปัญหาต่าง ๆ อย่างถูกวิธี เด็ก ๆ ก็จะได้รับการสั่งสอนเลี้ยงดูที่เหมาะสม โตขึ้นไปก็จะเป็นเด็กดีที่มีแต่คนรักและเอ็นดูนะคะ
   

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment