Monday, September 29, 2014

ทำไมเด็กไม่กินผักปัญหานี้มีคำตอบ


          ปัญหาเรื่องเด็กกับการกินผัก ดูจะเป็นของคู่กันที่พ่อแม่อย่างเราไม่อยากพบเจอเลยจริง ๆ แต่เมื่อปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว เรามาลองสำรวจกันก่อนสิว่า สาเหตุใดบ้าง ที่เป็นชนวนปัญหาของลูกน้อยในครั้งนี้ เพื่อจะได้รู้วิธีช่วยลูกรักหันมาเลิฟ เลิฟ กับการกินผักเสียที

ปัญหานี้ มีที่มา...

ต้นแบบทำ "เสีย" เอง

          เด็กมักมีพฤติกรรมเลียนแบบจากสิ่งรอบตัว และผู้ใกล้ชิด เมื่อคนรอบกายเป็นตัวอย่าง หลีกเลี่ยงไม่กินผักประเภทนั้นประเภทนี้ แล้วทำไมเด็ก ๆ อย่างหนูจะปฏิเสธตามไม่ได้ล่ะ รู้แบบนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเสียก่อน เด็ก ๆ จะได้ไม่มีข้อโต้แย้ง หลีกเลี่ยงการกินผักอีกต่อไป

ถูกบังคับมากเกินไป

          การกินอาหารน่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขในครอบครัวที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องดี ๆ ระหว่างกัน แต่หากมีสถานการณ์บีบบังคับ หรือมีเรื่องชวนให้ตึงเครียดเกิดขึ้น ความอร่อยและรอยยิ้มที่ควรจะมีบนโต๊ะอาหารก็จะเลือนหายไป กลายเป็นความรู้สึกอึดอัดและรู้สึกไม่ดีในทุก ๆ ครั้งเมื่อถึงเวลามื้ออาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอบังคับให้กินผักให้หมดเท่านั้นเท่านี้ ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ควรใช้วิธีชักชวน ค่อย ๆ ตักผักให้ลูกกินทีละน้อย สร้างแรงจูงใจให้เขาตักกินแต่ไม่ใช่ติดสินบนด้วยขนม ของเล่น หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่ลูกต้องการ

ตามใจมากเกินไป

          บังคับมากไปก็ไม่ดี แต่หากตามใจปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นความเคยชินก็ไม่ดีอีกเช่นกัน บางทีสาเหตุของการตามใจ เมื่อลูกไม่กินผักก็อาจเป็นเพราะมีผู้ใหญ่ให้ท้าย เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย หรือกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาจึงจ้างพี่เลี้ยงให้คอยดูแล จึงเป็นไปได้ว่าเมื่อลูกไม่กิน พี่เลี้ยงก็ปล่อย ไม่บังคับผลเสียที่ลูกไม่ยอมกินผักจึงเกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ สมาชิกในครอบครัวควรพูดคุย ทำความเข้าใจให้ตรงกัน กรณีที่มีพี่เลี้ยงดูแลก็ควรจ้างพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ อาจมีญาติผู้ใหญ่มาช่วยดูอีกที และคอยสอบถามทั้งพี่เลี้ยงและลูกของเราถึงเรื่องการดูแลและอาหารการกินในแต่ ละวัน

มีเยอะมากเกินไป

          ด้วยความหวังดีของคุณพ่อคุณแม่ที่กังวลว่าลูกอาจจะได้ประโยชน์จากวิตามินของผัก ไม่เพียงพอ เลยทำอาหารทุกมื้อ ทุกเมนูให้มีผักอยู่เต็มไปหมดจนคนกินรู้สึกเหมือนถูกบังคับกลาย ๆ ว่าต้องกินเข้าไปนะ จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะทำอะไรคุณพ่อคุณแม่ควรตั้งอยู่ที่ความพอดี แม้เมนูมื้อนี้ลูกอาจจะไม่ได้กินผักเข้าไป แต่ในระหว่างวันคุณพ่อคุณแม่อาจทดแทนสารอาหารเหล่านั้นด้วยผลไม้หรือของกิน ที่มีประโยชน์ต่าง ๆ แทนก็ได้

เขียวปี๋ไม่ชวนกิน

          บางทีก็รู้สึกได้ว่าเด็ก ๆ มักมีอาการต่อต้านแทบทุกครั้งเมื่อได้เห็นสีเขียว ๆ จากใบผักนานาชนิดถูกปรุงอยู่ในอาหาร ไม่รู้ล่ะว่ารสชาติ จะอร่อยหรือถูกปากหรือไม่ เพียงแค่เห็นสีเขียว ๆ ของผักทีไรก็พยายามเลี่ยงหรือเขี่ยออกไปไกลจานข้าวตัวเองทุกที หากเป็นเช่นนั้นคุณพ่อคุณแม่คงต้องเลือกผักประเภทอื่น ๆ ที่มีสีสันแตกต่างกันไปมาหมุนเวียนปรุงให้เด็ก ๆ ได้กินกันบ้างแล้วล่ะ ตัวเลือกมีมากมายทั้งข้าวโพดอ่อน กะหล่ำม่วง แครอท ฟักทอง ดอกกะหล่ำ มะเขือเทศ เป็นต้น นอกจากสีสันของอาหารจานนั้นจะดูน่ากินเพิ่มขึ้นแล้ว วิตามินและสารอาหารต่าง ๆ จากผักต่างชนิดก็จะหมุนเวียนเข้าไปบำรุง และเสริมสร้างร่างกายลูกรักให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ไม่ถูกใจตั้งแต่แรกพบ

          ความประทับใจทั้งเรื่องรูป รส และกลิ่น ก็เป็นเหตุจูงใจให้เด็ก ๆ เบือนหน้าหนีจากผักต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นหัวหอม ต้นหอม หรือกระเทียนที่มีกลิ่นถุน รสขมจกผักใบเขียวต่าง ๆ หรือเคี้ยวผักบางอย่างที่แข็ง เหนียว หรือเละจนเกินไป เป็นต้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็อาจหลีกเลี่ยงผักที่มีกลิ่นฉุนและรสชาติ ขมไปก่อน เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นจึงค่อย ๆ ปรุงอาหารจากผักเหล่านั้นทีละน้อย ๆ จนลูกคุ้นชิน

มีประสบการณ์ฝังใจ

          บางครั้งเด็ก ๆ ก็มักมีประสบการณ์ไม่ดีกับผักที่กินเข้าไป เช่น มีอาการสำลัก ติดคอ อาเจียนแล้วมีผักที่กินเข้าไปออกมาให้เห็น เห็นหนอนหรือสิ่งสกปรกติดอยู่ที่ผัก ฯลฯ หลากหลายประสบการณ์เหล่านี้ บางทีคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องอาศัยความใกล้ชิดเฝ้าสังเกตและสอบถามข้อมูลจากเด็ก ๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงพฤติกรรมไม่ชอบกินผักของเขาและจะได้หาทางพูดคุยหรือ วิธีแก้ปัญหา

          อ่านจบมาถึงบรรทัดนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่น่าจะมีคำตอบในใจกันบ้างแล้วล่ะว่าเพราะเหตุใด เด็ก ๆ จึงพยายามเลี่ยงที่จะกินผักเมื่อรู้สาเหตุแล้วก็ต้องหาทางแก้ ทุกอย่างไม่มีคำว่าสายเกินไปค่ะ

เรื่อง : แก้มกลม
แหล่งที่มา  Mother&Care, http://baby.kapook.com

No comments:

Post a Comment