เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักกันพอสมควร
เมื่อลูกสุดที่รัก ร่ำร้องอยากเลี้ยงสุนัข แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังไม่แน่ใจว่าลูกของเรานั้นมีความสามารถพอที่จะเลี้ยง
สัตว์เลี้ยงได้หรือยัง หรือที่อยากได้เป็นเพียงแค่แป๊บๆ เดี๋ยวก็เลิก realparenting.com มีข้อมูลดีๆ มาแนะนำ
ก่อนมีสัตว์เลี้ยง....ควรรู้อะไร
- เข้าใจลูกก่อน พ่อแม่ควรทำความเข้าใจอุปนิสัยเฉพาะตัวของลูก ได้แก่ ความสามารถในการดูแลรับผิดชอบของลูก และวิธีที่ลูกเล่นหรืออยู่กับสัตว์ เขามักเป็นอย่างไร ทำอะไร มีอะไรที่ควรหรือไม่ควร
- เข้าใจสัตว์ตามมา พ่อแม่ควรเลือกสัตว์ที่มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ และรู้จักนิสัยสัตว์นั้น ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร (ซึ่งตรงนี้น่าจะถามเจ้าของฟาร์มได้ว่า ลักษณะสัตว์ที่สุขภาพดี ดูจากอะไรบ้าง เช่น ดวงตา ขน ลักษณะโดยรวม นิสัยสัตว์นั้นๆ และสัตว์มีท่าทางหรืออาการแบบไหน ควรหลีกเลี่ยง/ระวัง) เลือกให้เหมาะสมกับอายุ และอุปนิสัยของลูก รวมถึงสภาพแวดล้อมของครอบครัว เช่น สถานที่เลี้ยง มีคนป่วยหรือไม่จะได้เลือกสัตว์ที่เหมาะสม เป็นต้น
- หาความรู้เรื่องโรคต่างๆ ของสัตว์เลี้ยง เพื่อการหลีกเลี่ยงและป้องกัน (ถามเจ้าของฟาร์มได้อีก สุนัข
พันธุ์นั้นควรระวังโรคอะไร)
เมื่อเจอสุนัขครั้งแรก หรือสุนัขที่ยังไม่รู้จัก/ไม่คุ้น หัดให้ลูกยืนนิ่งๆ ปล่อยให้สุนัขดม ไม่นานมันก็ไป และอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า ถ้าเจอสุนัขแล้วลูกวิ่งหนี สุนัขอาจจะคิดว่าเล่นด้วยและวิ่งไล่จนล้มได้
เมื่อตัดสินใจแล้ว ควรสอนอะไรลูก....
- เรื่องจำเป็น ต้องตกลงให้ดี การรักษาความสะอาดทั้งของลูก และสัตว์เลี้ยง
- เรียนรู้วิธีการเลี้ยง และการดูแล (ตรงนี้น่าจะถามเจ้าของฟาร์ม สุนัขพันธุ์ที่เลือกนั้นมีนิสัยและควรดูแลอย่างไร มีอะไรเป็นพิเศษที่ควรรู้) เพื่อจะได้สอนลูกให้ถูกต้อง อีกทั้งพ่อแม่ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงแก่ลูกด้วย ไม่ควรมอบภาระให้ลูกเพียงลำพัง เพราะพ่อแม่คือตัวอย่างที่ดี พ่อแม่ทำอย่างไรลูกก็จะทำอย่างนั้น หากพ่อแม่ไม่ทำ ไม่นานเมื่อลูกหายเห่อเขาก็จะละเลยไป
- พาสุนัขไปรับการฝึกนิสัยดีๆ
- มีกรงให้สำหรับสุนัข และควรแยกให้ห่างออกจากบริเวณที่ลูกอยู่
- แสดงให้ลูกรู้วิธีการมอบความรักแก่สัตว์ที่ถูกต้อง
- ปฏิบัติต่อสัตว์เหมือนคนที่ต้องการความใส่ใจ เหมือนอย่างที่เราให้ลูก
คำแนะนำในการเลี้ยงสัตว์ (สุนัข)
- ไม่ควรให้ลูกวิ่งไล่ หรือทำให้ตื่นกลัว ตกใจ
- ไม่ควรให้ลูกจับไปขัง ทั้งโดยตั้งใจและโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
- ไม่ควรให้ลูกยื่นอาหารให้ หรือนำอาหารไปให้เองคนเดียว
- ไม่ควรให้ลูกเล่นประชิดตัว กอดปล้ำ หรือกระทำความรุนแรงกับมัน
- ไม่ควรให้ลูกไปยุ่งกับมัน ถ้าสุนัขตัวนั้นเป็นแม่ลูกอ่อน
- ไม่ควรให้ลูกจ้องตาขู่สุนัข เพราะจะเป็นการยั่วโมโหมันได้
- ไม่ควรให้ลูกไปแย่งอาหารจากปาก
- พาสุนัข/สัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อพิษสุนัขบ้าตั้งแต่อายุ 2-3 เดือน
- สุนัขไม่ว่าจะนิสัยดีหรือไม่ดีอย่างไร ห้ามปล่อยให้อยู่กันโดยลำพัง
- การทำหมัน (ตอนมันอายุได้ประมาณ 5 เดือน) ช่วยให้สุนัขสงบลงได้
Q ข้อดี และข้อเสีย ลูกจะได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเลี้ยงสัตว์
- พาสุนัข/สัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อพิษสุนัขบ้าตั้งแต่อายุ 2-3 เดือน
- สุนัขไม่ว่าจะนิสัยดีหรือไม่ดีอย่างไร ห้ามปล่อยให้อยู่กันโดยลำพัง
- การทำหมัน (ตอนมันอายุได้ประมาณ 5 เดือน) ช่วยให้สุนัขสงบลงได้
Q ข้อดี และข้อเสีย ลูกจะได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเลี้ยงสัตว์
ข้อดี....- สัตว์เลี้ยงสามารถเป็นเพื่อนเล่นแก้เหงาให้กับลูกได้
- ฝึกความรับผิดชอบ การให้ความรัก
และการดูแลเอาใจใส่จากการเลี้ยงสัตว์ของลูกได้
ข้อเสีย....
- หากนำมาเลี้ยงในบ้าน ปล่อยให้อยู่คลุกคลีกับลูกจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค อาทิ พยาธิ เห็บ หมัดทั้งหลายได้
- เมื่อพ่อแม่ทำอย่างไรกับสัตว์เลี้ยง ลูกก็จะจำและทำตามอย่างนั้น ควรหลีกเลี่ยงการดุ ตวาด การทำร้ายสัตว์ เพราะลูกก็จะเรียนรู้ท่าทีก้าวร้าวแบบนั้นไปด้วย
Q เด็ก 5 ขวบ น่าจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าเขามีสัตว์เลี้ยง
- เด็กวัยนี้มีสามารถรับผิดชอบสัตว์เลี้ยง เป็นลูกมือในการทำความสะอาดกรง และอาบน้ำสัตว์เลี้ยงได้ด้วยตัวเอง
- เด็กวัยนี้เริ่มรู้จักการเล่นสนุกกับสัตว์เลี้ยง เช่น การโยนลูกบอลให้สัตว์เลี้ยงไปคาบ เล่นเป่าฟองสบู่ หรือสนุกกับการออกคำสั่งง่ายๆกับสัตว์เลี้ยง เช่น การสั่งนั่ง หรือขอมือ เป็นต้น
- หากนำมาเลี้ยงในบ้าน ปล่อยให้อยู่คลุกคลีกับลูกจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค อาทิ พยาธิ เห็บ หมัดทั้งหลายได้
- เมื่อพ่อแม่ทำอย่างไรกับสัตว์เลี้ยง ลูกก็จะจำและทำตามอย่างนั้น ควรหลีกเลี่ยงการดุ ตวาด การทำร้ายสัตว์ เพราะลูกก็จะเรียนรู้ท่าทีก้าวร้าวแบบนั้นไปด้วย
Q เด็ก 5 ขวบ น่าจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าเขามีสัตว์เลี้ยง
- เด็กวัยนี้มีสามารถรับผิดชอบสัตว์เลี้ยง เป็นลูกมือในการทำความสะอาดกรง และอาบน้ำสัตว์เลี้ยงได้ด้วยตัวเอง
- เด็กวัยนี้เริ่มรู้จักการเล่นสนุกกับสัตว์เลี้ยง เช่น การโยนลูกบอลให้สัตว์เลี้ยงไปคาบ เล่นเป่าฟองสบู่ หรือสนุกกับการออกคำสั่งง่ายๆกับสัตว์เลี้ยง เช่น การสั่งนั่ง หรือขอมือ เป็นต้น
- เป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้ถึงการระมัดระวังเรื่องความสะอาดและความปลอดภัย
เช่น รู้ที่จะไม่ดึงไม่แย่งอาหารจากปากสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาจทำให้ถูกกัดได้ และรู้จักที่จะล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังจากที่สัมผัสสัตว์เลี้ยง
Q ถ้าลูกถูกสุนัขกัด ควรทำอย่างไร
- ล้างและทำความสะอาดแผลด้วยแอลกอฮอล์ หรือยาฆ่าเชื้อโรคให้เร็วที่สุด
- ผู้ถูกกัดควรไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และกักสุนัขไว้คอยสังเกตอาการ ถ้ามีเชื้อพิษสุนัขบ้า สัตว์จะตายภายใน 10 - 14 วัน (ในกรณีที่สุนัขได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หรือไม่เป็นโรค ผู้ถูกกัดไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ครบ)
อ้างอิง : นิตยสาร Real Parenting ฉบับที่ 13 มีนาคม 2549
www.realparenting.comQ ถ้าลูกถูกสุนัขกัด ควรทำอย่างไร
- ล้างและทำความสะอาดแผลด้วยแอลกอฮอล์ หรือยาฆ่าเชื้อโรคให้เร็วที่สุด
- ผู้ถูกกัดควรไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และกักสุนัขไว้คอยสังเกตอาการ ถ้ามีเชื้อพิษสุนัขบ้า สัตว์จะตายภายใน 10 - 14 วัน (ในกรณีที่สุนัขได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หรือไม่เป็นโรค ผู้ถูกกัดไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ครบ)
อ้างอิง : นิตยสาร Real Parenting ฉบับที่ 13 มีนาคม 2549
No comments:
Post a Comment