Wednesday, November 21, 2012

เล่านิทานพัฒนาสมองลูก


ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่อยากให้ลูกฉลาด มีพัฒนาการสมวัย แล้วคุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า การเล่านิทานให้ลูกฟังนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการของลูกให้ก้าว ไกลยิ่งขึ้นได้ รองศาสตราจารย์กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขามนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีผลงานดีเด่นด้านภาษาไทย และผู้เชี่ยวชาญในการเล่านิทาน ได้บอกถึงประโยชน์ของการเล่านิทานว่า

นิทานมีความสำคัญต่อเด็กเป็น อย่างมาก เพราะนิทานเป็นเรื่องเล่าสนุกๆ ให้ข้อคิดและคติเตือนใจ การเล่านิทานเป็นการสร้างความสำพันธ์ที่ดี ระหว่างเด็ก กับพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ลูกศิษย์และครู นอกจากนี้การเล่าหรืออ่านนิทานให้เด็กฟังเป็นสอนเด็กให้เป็นคนดี มีคุณธรรม โดยเด็กไม่รู้ตัวว่าถูกสอน แต่จะค่อยๆซึมซับสิ่งดีๆในนิทานทีละเล็กทีละน้อย

"นิทานมีความจำ เป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาทักษะของเด็กในแต่ละช่วงวัย การเล่านิทานและอ่านหนังสือสำหรับเด็กควรเริ่มตั้งแต่เด็กยังอยู่ในวัยทารก โดยการร้องเพลงกล่อมเด็ก เพลงร้องเล่นของเด็ก ซึ่งมักจะเป็นเรื่องราวใกล้ตัวเด็ก เพลงกล่อมเด็ก และเพลงร้องเล่นของเด็กมีอยู่ทุกภูมิภาคในประเทศไทย อย่างเช่น ไก่เอ๋ยไก่ เลี้ยงลูกมาจนใหญ่ ไม่มีนมให้ลูกกิน ลูกร้องเจี๊ยบ เจี๊ยบ แม่พาเลียบไปคุ้ยดิน ทำมาหากินตามประสาไก่เอย

นิทานที่มีลักษณะเป็น คำกลอน มีความคล้องจองกันจะทำให้เด็กๆ พัฒนาทักษะการฟัง ในขณะเดียวกันก็เกิดความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ ได้รู้จักคำศัพท์ต่างๆ เด็กๆจะได้ฟังท่วงทำนองของบทกลอน ทำให้เพลิดเพลินและมีจิตใจอ่อนโยน

ดังนั้นเมื่อเด็กโตขึ้น พ่อแม่จึงควรจะเลือกนิทานที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก โดยเน้นที่มีภาษาสั้นๆ ง่ายๆ เรื่องราวไม่โหดร้าย ทารุณ

การ ใช้นิทานเสริมสร้างความอบอุ่นในครอบครัวเป็นวิธีการที่ดีมาก ไม่ต้องลงทุน ไม่เสียเวลาแต่สิ่งที่จะได้รับหรือผลที่จะเกิดกับเด็กโดยเฉพาะลูกของเรา เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ให้ผลคุ้มค่าต่อการพัฒนาเด็ก เพราะการที่เด็กได้รับฟังการเล่านิทานและการอ่านหนังสือภาพที่ดีสำหรับเด็ก ให้เด็กได้มีโอกาสเห็นภาพสวยๆที่เหมาะสม จะทำให้เด็กเพลิดเพลิน มีจิตใจอ่อนโยน เด็กในวัยทารก – 6 ขวบปีแรกของชีวิต เป็นช่วงที่สมองของเด็กเชื่อมโยง แตกกิ่งก้านสาขา เด็กจะฉลาดและเป็นคนดี หากสมองของเด็กไม่ได้รับการพัฒนาตามวัย เด็กจะมีพัฒนาการต่างๆช้าไม่สมวัย มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

อยากให้ลูกฉลาด เริ่มต้นเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่วันนี้นะคะ

แหล่งที่มา  http://www.goodfoodgoodlife.in.th



No comments:

Post a Comment