อาการไอในเด็กวัยเตาะแตะ
เป็นอาการที่พบได้บ่อย หากคุณแม่สังเกตอาการดี ๆ
จะรู้ได้ถึงสาเหตุของอาการไอในแต่ละแบบ เพื่อให้คุณแม่รู้ทัน ดูแลอาการไอได้เอง
โดยเบื้องต้นมาดูข้อมูลต่อไปนี้ค่ะ
5 อาการไอแบบต่าง ๆ
1.ไอจากไข้หวัด
หมายถึงอาการไอที่เกิดหลังจากหวัด
มาจากการติดเชื้อไวรัสในอากาศ ฉะนั้น ถ้าลูกน้อยเป็นหวัด อาจทำให้ลูกมีไข้
น้ำมูกไหล กระตุ้นให้เกิดอาการไอ ระคายคอได้ ส่วนใหญ่เมื่ออาการหวัดของลูกหายไป (ภายใน
2-3 สัปดาห์) อาการไอก็จะหายไปด้วยค่ะ
2.ไอมีเสมหะ
มักจะมีเสมหะไหลลงคอหรือมีอาการอักเสบที่คอร่วมด้วย
ถ้าคออักเสบมากก็ยิ่งกระตุ้นให้ไอได้ง่าย การสังเกตลักษณะเสมหะจะช่วยให้คุณแม่วินิจฉัยได้ว่าเกิดจากอะไรค่ะ
เช่น เสมหะมีสีเหลืองเขียวเกิดจากการติดเชื้อ อักเสบเป็นไซนัสเสมหะจะใส หรือหากมีสีขาวขุ่นอาจเกิดจากโรคภูมิแพ้
เป็นต้น
เพื่อความมั่นใจและการดูแลตามอาการอย่างเหมาะสม
คุณแม่ควรพาลูกน้อยไปตรวจร่างกาย เช็คว่าเกิดจากอาการอักเสบเป็นไซนัสหรือเป็นอาการไอที่เกิดจากภูมิแพ้
หอบหืดค่ะ
3.ไอแห้ง ๆ
เป็นอาการไอที่ไม่มีเสมหะปนอยู่ด้วย
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่น ช่วงหน้าหนาว
เป็นเหตุให้เกิดอาการระคายเคืองในหลอดลมจมูก ร่างกายต้องปรับตัวให้เลือดมาเลี้ยงที่เยื่อบุจมูกมากขึ้น
ทำให้เยื่อบุจมูกบวม เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเล็กน้อย รู้สึกระคายคอ ไอแห้ง ๆ
หรือไม่ก็ทำให้เสียงแหบ
4.ไอเรื้อรัง
สังเกตได้ว่ามีอาการไอนานกว่า
3 สัปดาห์ ส่วนสาเหตุก็มีหลายเหตุผล เช่น เป็นโรคหอบหืด
ลักษณะการไอจะไอติดต่อเป็นชุด ๆ หรือเกิดจากหลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้น ถือเป็นภาวะหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง
เช่น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือสิ่งกระตุ้น เช่น กลิ่นฉุน ควันบุหรี่ ควันธูป ควันจากมลพิษ
ก็กระตุ้นให้เกิดการไอได้
5.ไอระคายคอ
อาจเกิดขึ้นได้จากความซุกซน
นึกสนุก ทำเสียงดัง ๆ ตะโกนเก่ง ๆ ของเจ้าตัวเล็ก ก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดอาการไอ
ระคายคอได้ง่าย ๆ เช่นกันนะคะ
การดูแลบรรเทาอาการไอ
ดื่มน้ำบ่อย
ๆ ไม่ควรเป็นน้ำเย็นหรือร้อน ควรเป็นน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น จะช่วยให้ชุ่มคอ
หรืออาจลองสูตรสมุนไพรในครัวใช้น้ำมะนาวมาผสมกับน้ำผึ้ง ให้ลูกจิบบ่อย ๆ ก็ช่วยบรรเทาลดอาการไอได้ดีไม่น้อยค่ะ
เลี่ยงสถานที่มีคนอยู่เยอะหรือที่ที่มีมลพิษ
เช่น ฝุ่น ควันพิษจากท่อไอเสีย เพราะมีโอกาสที่จะรับเชื้อโรค หรือกระตุ้นให้เกิดอาการไอได้ง่าย
อาหารประเภทของทอดของมัน
หรือของเย็น น้ำแข็งหรือน้ำเย็นที่ถูกใจลูก ระยะนี้ควรงดไว้ก่อนจะดีกว่า
ถ้าลูกนอนห้องแอร์
ก็ควรสวมใส่เสื้อผ้า หรือใช้ผ้าห่มให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
ถ้าเปิดพัดลมควรให้ส่ายไปมา เพื่อไม่ให้อากาศเย็นเกินไป จะยิ่งกระตุ้นให้หลอดลมหดตัวทำให้มีอาการไอมากขึ้น
สิ่งสำคัญที่คุณแม่ต้องรู้ต่อมาคือ
จำให้ขึ้นใจว่า ก่อนซื้อหรือเลือกใช้ยา เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพ ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากเภสัชกรหรือคุณหมอค่ะ
เรื่อง แม่ออมจัง
แหล่งที่มา กระปุกดอทคอม / http://www.tinyzone.tv
No comments:
Post a Comment