นักวิจัยชี้ เด็กรุ่นใหม่เสี่ยงเรียนรู้คำศัพท์ได้น้อยลง เหตุติดแท็บเล็ตมากไป จนไม่มีเวลาในการฟัง และทดลองพูดคำใหม่ๆ
เดลีเมล์
รายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาว่า เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้ในการสื่อสาร
ใหม่ๆน้อยลง เนื่องจากใช้เวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
และสมาร์ตโฟน มากเกินไป จนทำให้เวลาที่จะนำไปใช้ในการพูดคุยกับครู
หรือผู้คนในสังคมลดน้อยลงไป
มาร์โค
คาตานี นักจิตวิทยา แห่งสถาบันจิตวิทยา ของคิงส์คอลเลจ ในกรุงลอนดอน ระบุว่า สมองของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ที่เกิดจากฟังคนอื่นๆ พูดคุยในชีวิตประจำวันมากกว่า ดังนั้นการที่เด็กใช้เวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตมากเกินไป
ก็จะทำให้พลาดโอกาสในการฟังถ้อยคำที่ใช้พูดน้อยลงไป
“พวกเด็กๆมักจดจ่ออยู่กับเทคโนโลยีเหล่านี้มากเกินไป
ซึ่งการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ตโฟน จะทำให้เด็กเห็นเฉพาะภาพเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นพวกเขาจึงมีคำศัพท์ที่อยู่ในหัวน้อยกว่าเด็กในรุ่นก่อนหน้านี้”
มาร์โค คาตานี กล่าว
นอกจากนี้ นักจิตวิทยา
ของคิงส์คอลเลจ ยังกล่าวต่อว่า การวัดและทดสอบความรู้จากการให้พูดปากเปล่าที่มีมาอย่างยาวนานก็กำลังเสื่อม
ถอยลง เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ต่างหันไปให้ความสำคัญกับการจดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
แท็บเล็ต ไปจนถึงสมาร์ตโฟนมากเกินไป
ทั้งนี้
ผลวิจัย ของคาตานี ระบุว่า จากการศึกษาด้วยการสแกนสมองของเด็ก 27 คนที่เข้าทำการทดสอบด้วยการให้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ
ปรากฏว่า การฟัง และการพูด
จะทำให้เด็กสามารถเข้าใจและซึมซับคำศัพท์ใหม่ๆได้มากขึ้น
“เมื่อคุณฟังคำศัพท์ใหม่ๆ
ด้วยการหัดฟัง และพูดซ้ำไปมา จนสามารถพูดได้อย่างถูกต้อง จะทำให้คุณมีคำศัพท์ใหม่ๆเกิดขึ้นในหัวมากขึ้น”มาร์โค คาตานี กล่าว
ทั้งนี้
การหมกมุ่นอยู่กับ คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตมากเกินไปยังถูกมองอีกว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สมาธิเด็กสั้นลง และทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะมีอุปนิสัยที่มองตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกๆสิ่ง มากขึ้น
หรือเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น
แหล่งที่มา โพสต์ทูเดย์
No comments:
Post a Comment