Friday, July 23, 2010

ลูกติดเกม....... ไม่ใช่ปัญหาใหญ่??

ปัญหาลูกติดเกมดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรในความรู้สึกพ่อแม่ ตราบใดที่เห็นว่าลูกอยู่ติดบ้าน ไม่ไ้ด้ไปมัี่วสุมที่ไหน แต่ในงานศึกษาทางการแพทย์ซึ่งมีพื้นฐานจากเรื่องการทำงานของสมอง กลับพบว่า ผลการติดเกมมีความรุนแรงไม่แพ้การติดยาเสพติด ที่ส่งผลทำลายคุณภาพของเยาวชนวัยเรียนรู้ได้อย่างมหันต์

น.พ. ศิริไชย หงษ์สงวนศรี และ น.พ. พนม เกตุมาน ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวไว้ในการศึกษาเรื่อง Game Addiction : The Crisis and Solution ว่าเด็กวัยรุ่นที่ติดเกมมักเป็นเด็กผู้ชาย เพราะเพศชายนิยมเล่นเกมคอมพิวเตอร์และใช้เวลาเล่นเกมมากกว่าเพศหญิง เพราะผู้ชายมีความถนัดทางด้านมิติสัมพันธ์และการประสานงานระหว่างตากับมือดีกว่าเพศหญิง เกมส่วนใหญ่ยังถูกสร้างขึ้นให้มีเนื้อหาเหมาะกับเพศชาย เช่น การแข่งกีฬา การผจญภัย และการต่อสู้

ความรู้สึกเพลิดเพลินใจในการเ่ล่น และความพึงพอใจเมื่อได้รับชัยชนะในการเล่นเกม ล่อให้เด็กและวัยรุ่นติดเกม คล้ายกับผู้ป่วยติดสารเสพติดและผู้ป่วยติดการพนัน มีความต้องการเอาชนะเพิ่มขึ้นอีกจึงจะรู้สึกพึงพอใจเท่าเดิม จึงเล่นในระดับที่สูงขึ้นไปอีก ทำให้ใช้เวลาเล่นเกมนานขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถูกขัดขวางการเล่นเกมจะรู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายหรือมีอาการทางกายจากความเครียด มีความต้องการเล่นเกมมากขึ้นในเวลาที่รู้สึกเครียด และเล่นเกมเพื่อหลบเลี่ยงการเผชิญปัญหา รวมถึงมีความคิดหมกมุ่นกับเกมคอมพิวเตอร์อย่างมาก จนละเลยหน้าที่รับผิดชอบด้านการเรียน การทำงานบ้าน ยอมอดอาหารและอดนอนจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ยอมเลิกกิจกรรมอื่นที่เคยสนุกสนาน และมีพฤติกรรมหลายอย่างตามมา เช่น โกหก ขโมย ก้าวร้าว หนีเรียน หนีออกจากบ้าน พนัน ส่งผลกระทบหลายด้าน เช่น การเรียน การทำงาน สุขภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และสังคม เป็นต้น มีพฤติกรรมการเล่นเกมที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยมักใช้เวลาเล่นเกมมากกว่าที่ตั้งใจไว้ แม้มีความพยายามจะลดหรือเลิกเล่นเกมแต่ไม่สามารถควบคุมตนเองให้หยุดเล่นเกมได้ ทั้งที่ทราบว่ามีผลกระทบต่อตนเองอย่างมาก

เด็กและวัยรุ่นที่มีความนับถือตนเอง (self-esteem) ต่ำ เนื่องจากไม่ค่อยได้รับความสำเร็จจากกิจกรรมอื่นๆ จะติดเกมได้ง่าย เพราะผู้เล่นทุกคนมีโอกาสชนะหรือประสบความสำเร็จมากขึ้นได้จากการเล่าซ้ำๆ และได้รับรางวัลเป็นคะแนน จึงเป็นแรงเสริมให้อยากเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ครอบครัวของเด็กวัยรุ่นที่ติดเกมคอมพิวเตอร์มักเป็นครอบครัวที่ขาดการฝึกวินัยให้ลูกอย่างเหมาะสมมาตั้งแต่วัยเด็ก อาจเกิดเนื่องจากขาดทักษะในการฝึกวินัย ไม่มีเวลา หรือไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงพอ ไม่สามารถติดตามพฤติกรรมของลูกได้อย่างเหมาะสม กลุ่มเพื่อนและสังคมก็เช่นกันมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่นมาก เป็นแรงผลักดันอีกส่วนให้วัยรุ่นเกิดความต้องการเล่นเกมตามไปด้วย ปัจจุบันสังคมมีค่านิยมสนับสนุนให้เด็กและวัยรุ่นใช้คอมพิวเตอร์ โดยยังไม่ตระหนักถึงผลเสียและเทคโนโลยีเพียงพอ และไม่ได้เตรียมเด็กและวัยรุ่นให้พร้อมสำหรับการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม

เด็กและวัยรุ่นที่มีปัญหาซึมเศร้า รวมถึงเด็กที่ต้องการหลีกหนีการเผชิญความเครียดในด้านต่างๆ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ติดเกมได้ง่าย เล่นเกมเพื่อเกิดความเพลิดเพลิน เบนความสนใจจากปัญหาทางอารมณ์ แต่เมื่อหยุดเล่นเกม อาการดังกล่าวยังรบกวนอยู่ จึงทำให้กลับไปเล่นอีก จนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในการเล่นเกมจนไม่สามารถหยุดเล่นด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ยังเป็นการระบายแรงขับความก้าวร้าว

ผู้ปกครองสามารถป้องกันลูกจากการติดเกมได้ด้วยการให้เด็กเรียนรู้การเล่นเกมอย่างถูกต้อง มีกติกา มีการตกลงกันก่อน พ่อแม่ควรมีความรู้เรื่องเกมและเลือกเกมที่เป็นประโยชน์ต่อลูกได้ ควรจัดระบบการเล่นเกมตั้งแต่ต้น การเล่นเกมต้องควบคุมได้ อยู่ในสายตาพ่อแม่ ในเวลาที่ำกำหนด ควรกำกับให้อยู่ในเวลาที่ตกลงกันไว้อย่างจริงจัง



แหล่งที่มา :  teens & family
                 Vol.11 No.122 May 2006

No comments:

Post a Comment