Saturday, July 24, 2010

แม่บ่นอย่างไรไม่ให้เบื่อ

นอกจากธรรมชาติจะกำหนดให้เพศหญิงเป็นเพศที่มีหน้าที่ต้องอุ้มท้องลูกแล้ว ธรรมชาติยังได้สร้า่งให้เพศแม่เป็นเพศที่มีหน้าที่ต้องบ่นลูกของตนเองอีกด้วย เหมือนคนเป็นยามต้องหลับยาม คนขับแท็กซี่ต้องถุยน้ำลายลงถนน คนเป็นแม่ก็ต้องบ่นลูกตนเองเช่นกัน

แม้จะเป็นที่รู้กันว่าสาเหตุที่แม่ชอบบ่นลูกนั้น เกิดจากพื้นฐานของความเป็นห่วงลูกแต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับทุกฝ่าย แม่ก็เบื่้อที่จะบ่น ลูกก็เบื่อที่จะฟังแม่บ่น เป็นความเบื่อสะสมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นความชินชาของทุกคน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผมจึงขอเสนอทางออกของการบ่นที่แตกต่างให้ลองพิจารณากันดู สำหรับคุณแม่ท่านใดที่ต้องการหนีการบ่นแบบซ้ำซากจำเจ

แนวทางที่ 1 บ่นเรื่องใหม่ๆ

บางทีลูกของคุณอาจจะเบื่อกับหัวข้อเดิมๆ ที่แม่นำมาใช้บ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลับบ้านดึก เรื่องคะแนนสอบ เรื่องกินข้าวไม่เป็นเวลา เรื่องติดเกม เรื่องการดูแลข้าวของ ไปจนถึงเรื่องการนอนดึกตื่นสาย การบ่นในหัวข้อที่่ซ้ำซากแบบนี้จะทำให้ลูกมีความสนใจน้อยลง ดังนั้นควรหาเรื่องใหม่ๆ มาบ่นให้ฉีกจากแนวทางเดิมที่เป็นอยู่ เช่น อาจบ่นเรื่องที่ลูกไม่ใส่ใจในการถือศีล 5 บ่นเรื่องที่ลูกชอบคุยกับเพื่อนเวลาเคารพธงชาติ หรืือบ่นว่าลูกชอบแคะขี้มูกป้ายไว้ใต้โต๊ะเรียน หัวข้อใหม่ๆ เหล่านี้จะทำให้ลูกไม่รู้สึกเบื่อหน่าย และมีความอยากรู้ในเรื่องที่แม่จะเอามาบ่นได้มากขึ้น

แนวทางที่ 2 เปลี่ยนแปลงการบ่นเชิงเปรียบเทียบ

สิ่งหนึ่งที่ลูกๆ ส่วนใหญ่มักไม่ชอบเหมือนกันคือ แม่มักจะเปรียบเทียบลูกตนเองกับลูกคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกญาติบ้างล่ะ ลูกคนข้างบ้านบ้างล่ะ ไปจนถึงลูกของเพื่อนสมัยอนุบาลบ้างล่ะ

การเปรียบเทียบเหล่านี้มักทำให้ลูกของคุณเหนื่อยหน่ายอยู่เสมอ ดังนั้นผมจึงขอเสนอให้มีการบ่นเปรียบเทียบแบบใหม่คือแทนที่จะเปรียบเทียบกับลูกของคนอื่นให้เปลี่ยนมาเปรียบเทียบกับแม่ของคนอื่นในเรื่องการบ่น เช่น แม่บ่นเราแค่นี้ดีขนาดไหนแล้ว ดูอย่างตั่วโกวสิบ่นลูกของเขามากกว่าที่แม่บ่นเป็นสองเท่า เพื่อความน่าเชื่อถือ อาจมีการนำสถิติมาแสดงให้เห็น เช่น แม่บ่น 65 คำต่อนาที ในขณะที่แม่คนอื่นบ่น 80 คำต่อนาที หรือแม่บ่นเฉลี่ยแล้วอาทิตย์ละ 18.26 นาที ในขณะที่แม่คนอื่นบ่นกันอาทิตย์ละ 30 นาทีขึ้นไป สถิติเหล่านี้จะทำให้ลูกเห็นว่าที่แม่บ่นนั้นดีกว่าแม่คนอื่นเป็นไหนๆ

แนวทางที่ 3 ชมไปบ่นไป

วิธีนี้ดัดแปลงไอเดียมาจากรายการชิมไปบ่นไปของคุณสมัคร สุนทรเวช โดยการชมไปบ่นไปคือ แทนที่จะบ่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ให้มีการสลับกัีบการชมลูกด้วย เช่น อาจจะบ่นว่าลูกมักจะตื่นสาย แต่ก็ชมว่าเวลาตื่นก็มีการเก็บผ้าห่มอย่างเรียบร้อย หรือบ่นว่าลูกคุยโทรศัพท์กับเพื่อนนานเกินไป แต่ก็ชมว่าลูกสามารถทำคะแนนในวิชาสุขศึกษาได้ดี การบ่นสลับกับชมอย่างนี้เหมือนเป็นการสับขาหลอกเพื่อเพิ่มความงุนงงให้กับลูกว่า แม่เราจะมาไม้ไหนกันแน่

แนวทางที่ 4 เลิกบ่น แต่ทำให้เห็นกันจะจะ

หากแม่คนไหนไม่อยากจะบ่นลูกที่แสนดื้นด้านของตนเองอีกแล้ว ผมมีข้อเสนอสุดท้ายคือ ทำให้ลูกเห็นกันไปเลยว่า ถ้าเกิดแม่ทำตามอย่างนิส้ัยแย่ๆ ที่ลูกเป็นทุกวันนี้จะเกิดผลเสียแค่ไหน เช่น หากอยากบ่นเรื่องลูกกินข้าวไม่เป็นเวลา ให้แม่ลองทำกับข้าวไม่เป็นเวลาบ้าง หากอยากบ่นเรื่องลูกติดเพื่อน ให้แม่ติดเพื่อนจนไม่กลับบ้านกลับช่องบ้าง หากลูกไปโรงเรียนสายให้แม่ไปทำงานสายจนโดนไล่ออกแล้วไม่มีค่าขนมให้ลูก เมื่อลูกได้ผลกระทบโดยตรงจากการเหลวไหลของแม่ ลูกก็จะเกิดความเข้าใจแล้วปฏิบัติตัวดีขึ้นเองโดยปริยาย

ลองนำไปใช้ดูแล้วกันนะครับ ไม่แน่ว่าลูกของคุณอาจจะอยากฟังคุณบ่นมากขึ้นก็ได้


แหล่งที่มา  :  teens & family
                  Vol.11 No.122 May 2006

ผู้แต่ง       :   'ป้อม - สมประสงค์'

No comments:

Post a Comment