คำถาม : ลูกผมอายุ 3 ขวบครับ
ไม่รู้เพราะอะไรถึงสอนยากจังครับเรื่องแบ่งปัน หรือมีน้ำใจนี่
เขาหวงของกับคนนอกมากๆ โดยเฉพาะกับเด็กด้วยกัน ขนาดแตะยังไม่ได้ มีฮึดฮัด โวยวาย
ทั้งที่ทุกคนในบ้านก็แบ่งกันเป็นประจำ แต่ผมเห็นเด็กบางคนเล็กกว่าลูกผมอีก
ใจดีเหลือเกิน พ่อแม่แค่ลองใจแบ่งไหม เขายื่นของให้เลย บางคนพ่อแม่ไม่ต้องถาม
เด็กน้อยเดินไปส่งให้ถึงมือ ก็เห็นมาแล้วครับ
ก่อนอื่นหวังว่าคุณพ่อคงชมเชยลูกบ้านอื่นหรือเปรียบเทียบเขากับลูกบ้านอื่นให้ผมฟังคนเดียว มิได้ทำเช่นนี้ต่อหน้าเขาหรือกับตัวเขาโดยตรง
“ดูน้องสิ เขาใจดีจังเลย” “เห็นมั้ย คนนั้นยังแบ่งของเลย เขาเก่งเนอะ” “ไม่เก่งเลยลูก ดูพี่เค้าสิ เขายังไม่หวงเลย”
คำพูดบาดหูแบบนี้หวังว่าคงไม่ได้พูดกับเขานะครับ หากเขาสวนได้เขาก็จะสวนออกมาประมาณว่า “ก็แลกลูกกะบ้านนั้นเสียเลยสิ เห็นเขาดีนัก”
แต่เนื่องจากเขาสวนออกมาเป็นวาจาแบบนี้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะยังพูดไม่เก่งแต่สมองของเขาก็มิได้ทำงานแบบนี้จริงๆ หรอกครับ ผมเพียงยกตัวอย่างให้เห็นชัดว่าสำหรับลูกคุณแล้ว คำพูดประเภทชอบยกยอปอปั้นลูกคนอื่นดีกว่าเขานั้นมันน่ารำคาญมากเพียงใด ที่แย่กว่าเรื่องนี้คือเขาไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร
สมองของเด็ก
ยังไม่ได้ทำงานในระดับเปรียบเทียบหรือเปรียบเปรยหรืออุปมาดั่งว่าทำแบบบ้าน นั้นสิแล้วเขาจะเข้าใจ
ก่อนแปดขวบเด็กทุกคนยังต้องการคำบอกหรือคำสั่งที่ชัดว่า “คุณ”
ต้องการให้ “เขา” “ทำอะไร”
และ “อย่างไร”
“คุณ” หมายถึงคุณพ่อ ไม่ใช่ใคร ในรูปประโยคที่จะพูดกับเขาไม่ต้องมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยว ไม่ต้องเปรียบเปรยไปไหนไกล บอกเขาว่าพ่อต้องการให้ลูกแบ่งของเล่นให้ใครก็ว่าไป วิธีการคือแสดงให้เขาดูว่าทำอย่างไร ให้เพื่อนแตะของเล่นเป็นอย่างไร ให้เพื่อนถือของเล่นครู่หนึ่งเป็นอย่างไร นั่งลงเล่นด้วยกันเป็นอย่างไร
ลูกอายุสามขวบเท่านั้น
หากว่ากันตามตำราสามขวบสำหรับเด็กบางคนอย่าว่าแต่ฟังคำเปรียบเทียบเปรียบ
เปรยไม่เป็นเลย ของเล่นมีจริงหรือเปล่ายังอาจจะเป็นปัญหาอยู่
โดยทั่วไปพัฒนาการที่ทำให้เด็กคนหนึ่งรับรู้ว่าวัตถุใดๆ
มีอยู่จริงจะเกิดขึ้นระหว่างอายุหกเดือนถึงสามปี เรียกว่า object constancy เด็กที่พัฒนาเร็ว จะมั่นใจมากว่าของเล่นเปลี่ยนมือไม่สูญหาย (vanish)
ก็อาจจะไม่กังวลอะไรที่ของเล่นจะเปลี่ยนมือเพราะอย่างไรก็ไม่สูญหายไปไหน
ส่วนเด็กที่พัฒนาการเรื่องนี้ช้าหน่อยอาจจะกังวลมากกว่า มองอีกแง่หนึ่งเด็กที่เราคิดว่าใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยื่นของเล่นให้เพื่อน หน้าตาเฉยอาจจะเป็นเพราะเขาพัฒนาช้ามากจนไม่รับรู้ว่าในมือเขาเป็นของเล่น ด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมีหรือไม่มีน้ำใจแม้แต่น้อย ต้น แบบของการรับรู้ว่าวัตถุ หรือของเล่นมีอยู่จริงไม่สูญหายคือความสามารถที่จะรับรู้ว่าคุณแม่มีอยู่ จริงๆ นั่นหมายความว่าคุณแม่ต้องเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิดในสามขวบปีแรก หากคุณแม่มีอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ แล้ว ของเล่นจะมีจริงด้วย และสามารถยื่นให้ใครไปก็ได้โดยไม่สูญหาย
ส่วนเด็กที่พัฒนาการเรื่องนี้ช้าหน่อยอาจจะกังวลมากกว่า มองอีกแง่หนึ่งเด็กที่เราคิดว่าใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยื่นของเล่นให้เพื่อน หน้าตาเฉยอาจจะเป็นเพราะเขาพัฒนาช้ามากจนไม่รับรู้ว่าในมือเขาเป็นของเล่น ด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมีหรือไม่มีน้ำใจแม้แต่น้อย ต้น แบบของการรับรู้ว่าวัตถุ หรือของเล่นมีอยู่จริงไม่สูญหายคือความสามารถที่จะรับรู้ว่าคุณแม่มีอยู่ จริงๆ นั่นหมายความว่าคุณแม่ต้องเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิดในสามขวบปีแรก หากคุณแม่มีอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ แล้ว ของเล่นจะมีจริงด้วย และสามารถยื่นให้ใครไปก็ได้โดยไม่สูญหาย
แหล่งข้อมูลที่มา www.real-parent.com
No comments:
Post a Comment