Monday, October 8, 2012

อย่า..เปรียบเทียบหนูนะ



        เคยมั้ยคะ ที่ลูกวัย 3-6 ปีของเราทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แล้วเราเผลอเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่นโดยไม่ เจตนา โดยลืมนึกไปว่าลูกเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ได้ดี ที่สำคัญลูกก็ไม่ชอบให้ตัวเองถูกเปรียบเทียบด้วย

ยิ่งเปรียบเทียบ ยิ่งถอย

          เด็กวัยนี้ เป็นช่วงที่มีพัฒนาไม่ต่อยอดเกี่ยวกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความอดทน เป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ โดยเฉพาะด้านอารมณ์ สามารถเรียนรู้ได้ทุกอารมณ์แล้วค่ะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกถูกเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน หรือกับพี่น้อง ก็อาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูกได้เช่นกัน

          พัฒนาการ หยุดชะงัก โดยเฉพาะเด็กบางคนที่กล้ามเนื้อพัฒนามากขึ้น วิ่งเก่ง กระโดดสูง หรือเริ่มหัดปั่นจักรยาน เมื่อถูกเปรียบเทียบ เด็กจะรู้สึกลังเล สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเด็กบางคนที่พื้นอารมณ์เป็นคนอ่อนไหวง่าย พัฒนาการต่างๆ ก็จะหยุดชะงักทันที เช่น การหยิบจับปากกา ดินสอ พู่กัน ติดกระดุม หรือการช่วยเหลือตนเองในด้านต่างๆ จากที่ลูกเคยทำได้แล้วก็อาจจะกลายเป็นทำช้าลง หรือทำไม่ได้อีกเลย 

          อารมณ์เชิงลบ ช่วงนี้ลูกรู้จักทุกอารมณ์หมดแล้ว โดยเฉพาะเด็กในวัย 3 ขวบ อารมณ์ของการแข่งขันและความอิจฉาจะมีอยู่สูง หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มส่งเสริมเรื่องการแข่งขัน ลูกจะยิ่งเพิ่มความรู้สึกที่อยากจะเอาชนะ แพ้ไม่ได้ และแบ่งปันให้ใครไม่เป็น หรือบางครั้งลูกก็อาจจะพาล เช่น ถ้าพี่ถูกเปรียบเทียบกับน้อง พี่ก็จะพาลไม่ชอบน้อง ซึ่งถ้าเขามีโอกาสอยู่กับน้องตามลำพัง เขาอาจกลั่นแกล้งน้องได้

          และหากลูกถูกเปรียบเทียบบ่อยๆ ก็จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกกลัว โมโห โกรธ หรือไม่พอใจ ผลกระทบที่ตามมาก็คือสมองและสติปัญญาของลูกจะไม่พัฒนา ส่งผลให้ความคิดสร้างสรรค์ในด้านต่างๆ ถูกระงับไป และลูกก็จะกลายเป็นเด็กเจ้าอารมณ์ในที่สุด

          กระทบต่อความคิด จากคำพูดที่เปรียบเทียบ เด็กจะรู้สึกแย่กับตัวเอง เพราะคำพูดของผู้ใหญ่เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนให้เด็กเห็นตัวตนของเขาเอง ถ้าเราสะท้อนทุกวันว่าเขายังทำไม่ดี ทำไม่เหมาะสม ยังคงไม่เก่ง โดยที่ลูกได้ยินอย่างนั้นอยู่ซ้ำๆ ก็ยิ่งจะทำให้เขาเชื่อว่าตัวตนของเขาเป็นคนไม่ดี ไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ แล้วเขาก็จะรู้สึกต่ำต้อย ไม่มีคุณค่าในตัวเอง

          พัฒนาการทางสังคมเสีย เมื่อเด็กถูกเปรียบเทียบบ่อยๆ เขาจะรู้สึกหวงของมาก ขึ้น ไม่อยากเล่นกับใครเพราะคิดว่าถ้าแพ้จะต้องสูญเสีย กลายเป็นคนเก็บตัว ทำให้ภาวะทางสังคมหรือการเล่นที่จะพัฒนาการเรียนรู้สูญเสียไปด้วย

          เด็กบางคนขาดความกระตือรือร้น หรือมีแรงจูงใจที่จะเรียนรู้น้อยลง เพราะถ้าเขาทำอะไรไปแล้วผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ หรือพูดอะไรในเชิงลบ ความสัมพันธ์ของเด็กกับบุคคลนั้นก็จะลดลง ความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือหรือเรียนรู้ก็ไม่เกิดขึ้น เป็นต้น

โดย: เกื้อกูล
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ : พญ. กุสุมาวดี คำเกลี้ยง จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต
แหล่งที่มา  www.luklukemag.com








No comments:

Post a Comment