เคยมั้ยคะ ที่ลูกวัย 3-6 ปีของเราทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ แล้วเราเผลอเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่นโดยไม่ เจตนา โดยลืมนึกไปว่าลูกเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ได้ดี ที่สำคัญลูกก็ไม่ชอบให้ตัวเองถูกเปรียบเทียบด้วย
ยิ่งเปรียบเทียบ
ยิ่งถอย
เด็กวัยนี้
เป็นช่วงที่มีพัฒนาไม่ต่อยอดเกี่ยวกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความอดทน
เป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ โดยเฉพาะด้านอารมณ์ สามารถเรียนรู้ได้ทุกอารมณ์แล้วค่ะ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกถูกเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน
หรือกับพี่น้อง ก็อาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูกได้เช่นกัน
พัฒนาการ หยุดชะงัก โดยเฉพาะเด็กบางคนที่กล้ามเนื้อพัฒนามากขึ้น
วิ่งเก่ง กระโดดสูง หรือเริ่มหัดปั่นจักรยาน เมื่อถูกเปรียบเทียบ
เด็กจะรู้สึกลังเล สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
หรือเด็กบางคนที่พื้นอารมณ์เป็นคนอ่อนไหวง่าย พัฒนาการต่างๆ ก็จะหยุดชะงักทันที
เช่น การหยิบจับปากกา ดินสอ พู่กัน ติดกระดุม หรือการช่วยเหลือตนเองในด้านต่างๆ จากที่ลูกเคยทำได้แล้วก็อาจจะกลายเป็นทำช้าลง
หรือทำไม่ได้อีกเลย
อารมณ์เชิงลบ ช่วงนี้ลูกรู้จักทุกอารมณ์หมดแล้ว
โดยเฉพาะเด็กในวัย 3 ขวบ อารมณ์ของการแข่งขันและความอิจฉาจะมีอยู่สูง
หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มส่งเสริมเรื่องการแข่งขัน ลูกจะยิ่งเพิ่มความรู้สึกที่อยากจะเอาชนะ
แพ้ไม่ได้ และแบ่งปันให้ใครไม่เป็น หรือบางครั้งลูกก็อาจจะพาล เช่น ถ้าพี่ถูกเปรียบเทียบกับน้อง
พี่ก็จะพาลไม่ชอบน้อง ซึ่งถ้าเขามีโอกาสอยู่กับน้องตามลำพัง
เขาอาจกลั่นแกล้งน้องได้
และหากลูกถูกเปรียบเทียบบ่อยๆ ก็จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกกลัว โมโห
โกรธ หรือไม่พอใจ ผลกระทบที่ตามมาก็คือสมองและสติปัญญาของลูกจะไม่พัฒนา ส่งผลให้ความคิดสร้างสรรค์ในด้านต่างๆ
ถูกระงับไป และลูกก็จะกลายเป็นเด็กเจ้าอารมณ์ในที่สุด
กระทบต่อความคิด จากคำพูดที่เปรียบเทียบ
เด็กจะรู้สึกแย่กับตัวเอง เพราะคำพูดของผู้ใหญ่เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนให้เด็กเห็นตัวตนของเขาเอง
ถ้าเราสะท้อนทุกวันว่าเขายังทำไม่ดี ทำไม่เหมาะสม ยังคงไม่เก่ง โดยที่ลูกได้ยินอย่างนั้นอยู่ซ้ำๆ
ก็ยิ่งจะทำให้เขาเชื่อว่าตัวตนของเขาเป็นคนไม่ดี ไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ แล้วเขาก็จะรู้สึกต่ำต้อย
ไม่มีคุณค่าในตัวเอง
พัฒนาการทางสังคมเสีย เมื่อเด็กถูกเปรียบเทียบบ่อยๆ เขาจะรู้สึกหวงของมาก ขึ้น
ไม่อยากเล่นกับใครเพราะคิดว่าถ้าแพ้จะต้องสูญเสีย กลายเป็นคนเก็บตัว ทำให้ภาวะทางสังคมหรือการเล่นที่จะพัฒนาการเรียนรู้สูญเสียไปด้วย
เด็กบางคนขาดความกระตือรือร้น หรือมีแรงจูงใจที่จะเรียนรู้น้อยลง เพราะถ้าเขาทำอะไรไปแล้วผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ
หรือพูดอะไรในเชิงลบ ความสัมพันธ์ของเด็กกับบุคคลนั้นก็จะลดลง ความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือหรือเรียนรู้ก็ไม่เกิดขึ้น
เป็นต้น
โดย:
เกื้อกูล
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์
: พญ. กุสุมาวดี คำเกลี้ยง จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต
No comments:
Post a Comment