Friday, November 30, 2012

จัดห้องให้ลูก


ห้องนอนลูก เรื่องใกล้ตัวที่สุดแสนจะสำคัญ เพราะเขานั้นต้องอาศัยกลิ้งเล่นหลับนอนที่ห้องนี้ตั้งแต่เล็กจนโต และนอกจากเป็นห้องพักผ่อนแล้วยังถือเป็นห้องส่วนตัวที่แสดงเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาด้วย

ห้องนอนเด็กเล็ก (แรกเกิด-3 ปี)


เด็กเล็กมักจะใช้เวลา ส่วนใหญ่ในการนอน ห้องนี้จึงเป็นห้องที่เขาจะต้องใช้บ่อยที่สุด การจัดให้ห้องน่านอน และสะดวกในการใช้งานนั้น มีข้อที่ต้องคำนึงถึงดังนี้ค่ะ

บรรยากาศ : ควรจะดูสงบเงียบ โปร่งสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ในกรณีที่ติดเครื่องปรับอากาศก็ควรดูอุณหภูมิให้อยู่ที่ 24-26 องศาเซลเซียส

เตียงนอน : อุปกรณ์สำคัญคงไม่พ้นเตียงนอน ซึ่งเตียงนอนเด็กเล็ก นั้นต้องดูให้มีโครงสร้างแข็งแรง ระยะซีกรงห่างไม่เกิน 2 3/8 นิ้ว แผงข้างเตียงมีความสูงไม่น้อยกว่า 26 นิ้ว หรือเมื่อลดแผงลงก็ต้องสูงไม่น้อยกว่า 9 นิ้ว ในปัจจุบันมีแบบระบบ Double Lock ที่จะป้องกันไม่ให้เด็กดันแผงข้างเตียงลงได้เอง และล้อล็อกได้ รวมทั้งการดีไซน์ที่ไม่มีขอบมุมที่คม อีกทั้งสีก็จะเป็นแบบไร้สารตะกั่ว ไม่หลุดลอกง่าย และแถบพลาสติกหุ้มที่มีคุณภาพ เพื่อป้องกันเด็กกัดเนื้อไม้

ตู้เสื้อผ้า : มีหลายแบบให้เลือก อาจจะเป็นตู้เก็บของแล้วมีลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าได้ในตัวก็ได้ หรือเป็นลิ้นชักอย่างเดียว แล้วใช้ด้านบนของตู้เสื้อผ้าจัดเป็นที่เปลี่ยนผ้าอ้อมลูกได้ โดยควรจัดตู้ชิดเข้าฝาผนัง แต่คุณแม่อาจเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือเสื้อผ้าลูกที่เตียงก็ได้ค่ะ

โทนสี : สำหรับเด็กเล็ก ควรเป็นสีโทนอ่อนเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อการหลับที่ยาวนานค่ะ
ขอขอบคุณ : KITSO เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ และข้อมูล

ห้องนอนเด็กโต (3-6 ปี)


ในช่วงวัยที่เจ้าหนูเริ่มเคลื่อนไหวได้ คล่องแคล่วขึ้น มีกิจกรรมที่จะทำเยอะขึ้น ห้องนอนของเขาจึงไม่ใช่แค่ห้องที่จะใช้นอนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นที่สำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ อีกด้วย

วัสดุ : เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอนเป็นสิ่งที่ลูกต้องสัมผัสอยู่ทุกวัน คุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่อเด็ก เช่น การเลือกใช้ไม้มาตรฐาน E1 ที่ปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮน์ต่ำ ทำให้ไม่มีกลิ่นฉุน ลดการระคายเคืองต่อผิว โดยเฉพาะผู้เป็นภูมิแพ้และเด็ก

โครงสร้าง : โดยเฉพาะเตียงเด็กนั้น ควรจะต้องมีความแข็งแรง เพราะไม่ใช่แค่เป็นที่นอนของลูก แต่บางทีก็เป็นลานเล่นของเขาด้วย ซึ่งลูกอาจมีการกระโดดโลดเต้นบนที่นอนได้ ดังนั้นโครงสร้างเตียงควรเป็นแบบ Firm Structure คือใช้ไม้เต็มแผ่นรองใต้ที่นอน และมีคานเหล็กรองรับอีกชั้น ทำให้ไม่ยุบตัวง่าย รับน้ำหนักได้ดี

ดีไซน์เพื่อความปลอดภัย : สำหรับเด็กใน ช่วงวัยนี้ เขามักจะไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไหวรวดเร็ว และไม่ค่อยระมัดระวัง จนอาจทำให้ไปชนมุมโต๊ะ มุมเตียงได้บ่อยๆ หากเลือกดูเฟอร์นิเจอร์ที่มีความโค้งมนก็จะช่วยลดความรุนแรงของการกระแทกลง ได้ หรือในส่วนที่เป็นบานพับของตู้หรือลิ้นชัก หากใช้เป็นโช้คกันกระแทก ก็จะช่วยให้เด็กสามารถเปิด-ปิดลิ้นชักได้เองอย่างมั่นใจมากขึ้น

จัดสรรพื้นที่ : สำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด อาจเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีการใช้งานได้หลากหลาย เช่น เตียง 2 ชั้น ที่บันไดเป็นช่องเก็บของได้ หรือชุดเตียงนอนที่มีส่วนยื่นมาเป็นโต๊ะเขียนหนังสือได้ ก็จะช่วยเรื่องการจัดสรรพื้นที่ได้

การเติบโตของลูก : ในการเลือกเตียงอาจจะต้องเผื่อสำหรับการเติบโตของลูก เพื่อจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย โดยเตียงขนาด 3 ฟุตครึ่งเป็นขนาดกำลังเหมาะที่ใช้ไปได้อีกหลายปีค่ะ และเริ่มต้นเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นก่อน อย่างเตียงหรือตู้เสื้อผ้า พอโตขึ้นอีกหน่อย อาจค่อยเพิ่มโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วแต่ความต้องการของลูกต่อไป

ห้องนอนเล็กๆ ที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวและความทรงจำที่จะติดตัวเด็กไปอีกนานเท่านาน เราคนเป็นพ่อเป็นแม่ คงต้องใส่ใจในรายละเอียดเป็นพิเศษ หวังว่าวันนี้คุณจะเกทไอเดียไปประยุกต์ใช้สร้างห้องจิ๋วแสนน่ารักให้เจ้าหนู ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

แหล่งที่มา Modern Mom




No comments:

Post a Comment