คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมว่า
สมองใหญ่ของมนุษย์ ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของมือและนิ้วมือนั้นคิดเป็น
ร้อยละ 30 ของการควบคุมส่วนอื่นๆ และความรู้สึกที่ฝ่ามือนั้นกินเนื้อที่ส่วนสมองส่วนที่รับความรู้สึกทางกาย
ถึงร้อยละ 30 ความหนาแน่นของปลายประสาทรับความรู้สึกที่กระจายอยู่ใต้ผิวหนังของนิ้วมือ
นั้นใกล้ชิดมากจนคนตาบอดสามารถคลำตัวอักษรเบลล์ ซึ่งประกอบด้วยรูขนาดเล็กเรียงห่างกันไม่ถึง
1 มิลลิเมตร มือและสมองจึงมีความสัมพันธ์อย่างมาก
สมองของเด็กพัฒนาจากการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็กพบว่า
ทักษะความคล่องตัวของกล้ามเนื้อมัดเล็กจะพัฒนาภายในช่วง
10 ปีแรก ดังนั้นหากเด็กได้ฝึกฝนการใช้มือ
การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของมือ จะทำให้สมองสร้างเครือข่ายเส้นใยสมอง
และจุดเชื่อมต่อและสร้างไขมันล้อมรอบเส้นในสมอง และเซลล์สมองที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็กได้มาก
ทักษะการใช้มือจึงเป็นทักษะที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต
และการเรียนรู้ของคนเรา โดยเฉพาะเด็กๆ เนื่องจากจะต้องถูกหัดให้กินอาหารด้วยตนเอง
และใช้มือในการเล่น เรียน เขียนหนังสือ มีคนเคยพูดว่า พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กจะพัฒนาไปได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
หากเด็กไม่มีโอกาสได้ใช้มือเพื่อเป็นการสื่อในการเรียนรู้
ในขณะที่หากเด็กได้มีโอกาสใช้มือทำกิจกรรมต่างๆ จะสามารถพัฒนาได้ในระดับที่สูงกว่า เพราะมือเป็นเสมือนครูที่สำคัญของ
เด็ก และเป็นเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก เพราะฉะนั้น ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่เขาได้ใช้มือให้มากๆ
ตัวอย่างกิจกรรมการใช้มือของเด็ก
- ใช้มือสองข้างพร้อมกัน เช่น ทาแป้งตามตัว เล่นตบแปะ ติดกระดุม ร้อยเชือก
- เคลื่อนไหวนิ้วมือ เช่น ต่อบล็อกไม้ เสียบหมุดเป็นรูปต่างๆ
- ใช้มือและนิ้ว มือทั้งหมด เช่น ฉีกกระดาษ ปั้นดินน้ำมัน เล่นดินเล่นทราย ละเลงสีด้วยมือและนิ้ว หรือใช้มือเล่นเงา เช่น ทำเป็นรูปหมา รูปนกบิน งูเลื้อย ฯลฯ
- ใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียว เช่น ดีดลูกแก้ว ใช้นิ้วแตะและทากาว
- ใช้ข้อมือและ กล้ามเนื้อมือ เช่น ขีดเขียนด้วยสีเทียนหรือดินสอแท่งใหญ่ๆ การวาดภาพระบายสี เปิดหน้าหนังสือ ตักอาหารด้วยตัวเอง ค้อนตอก เป็นต้น
ที่สำคัญคือ เสียงห้ามของผู้ใหญ่เมื่อเห็นเด็กใช้มือหยิบจับของใกล้ตัว
ด้วยข้อหาทำให้รก สกปรก ข้าวของเสียหาย ฯลฯ
นั้นคืออุปสรรคขัดขวางการเรียนรู้ของเด็ก (และเท่ากับขัดขวางการทำงานของสมองด้วย)
เด็กๆ นั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาอยากจะหยิบจับ สัมผัส
สำรวจสิ่งใกล้ตัว อยากกวาดบ้าน ล้างจาน ซักผ้า รินน้ำ อาบน้ำเอง หวีผม ใส่เสื้อ
ฯลฯ ด้วยตัวเขาเองบ้าง การปล่อยให้เขาได้ใช้มือเรียนรู้ สัมผัส และทำกิจกรรมต่างๆ
ในชีวิตประจำวัน เท่ากับได้พัฒนาสมองและการเรียนรู้ของลูกโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
เลยค่ะ
แหล่งที่มา http://www.enfababy.com
No comments:
Post a Comment