การให้ลูกได้ออกไปเรียนรู้โลกกว้าง อย่างสร้างสรรค์สัมผัสกับธรรมชาติ
และทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระในแบบที่เขาชอบและถนัด เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ลูกเรียนรู้และเติบโตอย่างมีพัฒนาการ
ทั้งด้านร่างกายสมอง จิตใจและอารมณ์ มีศักยภาพในการทำสิ่งต่าง ๆ เป็นการพัฒนาตัวตนที่ดีของเขาในอนาคตค่ะ
ศิลปะเสริมสร้างพัฒนาการ
หนึ่งในกิจกรรมที่จะทำให้ลูกมีโอกาสได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ก็คือศิลปะนั่นเอง คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้สัมผัสหรือทำงานศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวาดภาพ ระบายสี ปั้นดิน ฯลฯ ตั้งแต่เด็ก ตามความถนัด ความชอบ หรือให้เหมาะกับวัยของเขาค่ะ เพราะศิลปะช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้กับลูกในหลาย ๆ ด้าน เช่น ทักษะการเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก มือ ข้อมือ และนิ้วมือต่าง ๆ ในการจับดินสอขีดเขียนวาดภาพ การใช้แปรงหรือพู่กันสะบัด ระบายสี การบีบ จับ ปั้นแป้งโด หรือดินน้ำมัน การพับ ฉีก แปะติดกระดาษ หรือการประดิษฐ์สิ่งของง่าย ๆ
ทักษะด้านการตัดสินใจ การทำงานศิลปะช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และการคิดแก้ปัญหา ในช่วงเวลาที่ทำงานศิลปะ เด็กมีโอกาสได้คิด ได้เลือก คิดว่าจะวาดภาพแบบไหนเลือกใช้สีอะไร ได้ตัดสินใจ และได้ทดลองทำ
ทักษะด้านภาษา นอกจากเด็ก ๆ จะได้ลงมือทำแล้ว ศิลปะยังช่วยให้เรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ เรื่องสี รูปทรง อุปกรณ์ และกริยาท่าทาง รวมทั้งคำศัพท์ที่ใช้อธิบายสิ่งต่าง ๆ ด้วย
ทักษะในการมองเห็นและมิติสัมพันธ์ ในเรื่องของภาพ รูปทรง สีสัน และการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งช่วยทำให้เด็กมีสมาธิ ใจจดใจจ่อ ในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ
ธรรมชาติและการเรียนรู้นอกบ้าน
การพา ลูกไปเรียนรู้นอกบ้าน ไปสัมผัสธรรมชาติ ภูเขา ทะเล หรือสวนสาธารณะที่มีต้นไม้สีเขียวร่มรื่น มีสนามหญ้ากว้าง ๆ ก็ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ที่ดีให้กับลูกค่ะ นอกจากจะได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์แล้ว ลูกยังได้วิ่งเล่นอย่างอิสระ ได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ ช่วยให้ลูกมีความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้การได้ออกไปเจอกับโลกภายนอก พบปะผู้คน หรือได้เล่นกับเพื่อนคนอื่น ๆ ก็เป็นการเสริมสร้างทักษะทางสังคมให้กับลูกด้วย
เมื่อศิลปะ รวมกัน ธรรมชาติ และการได้ออกไปเรียนรู้นอกบ้าน ก็ยิ่งเพิ่มพลังสร้างสรรค์ในการเรียนรู้ให้กับลูกค่ะ คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกไปสวนสาธารณะ ช่วยลูกวาดภาพทำงานศิลปะในสวน การได้อยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้สนามหญ้าเขียว ๆ ช่วยให้ลูกรู้จักซึมซับและสังเกตธรรมชาติรอบตัว หรือจะพาลูกไปเที่ยวทะเล เดินเล่นริมหาด วาดภาพบนหาดทราย หรือใช้สมาธิกับการก่อปราสาททรายก็ได้นะคะ เมื่อรวมกันแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านให้กับลูก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรจัดสรรช่วงเวลาศิลปะและการเรียนรู้ให้ลูกอย่างส่ำ เสมอค่ะ
นมแม่โภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย
นอกจากจะส่งเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกด้วยศิลปะและธรรมชาติแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกรักเติบโตมีพัฒนาการที่ดี และพร้อมเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ก็คือโภชนาการที่ลูกได้รับนั่นเอง นับจากวันที่ลูกเกิด นมแม่คือโภชนาการแรกที่ลูกได้รับ และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน มีระบบการผลิตน้ำนมแบบอะโพไครน์ (Apocrine) ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติที่เรียกว่า Bioactive Components เช่น ทอรีน นิวคลิโอไทด์ โพลีเอมีน ฯลฯ ในปริมาณสูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย นมแม่ยังมีโปรตีนขนาดเล็ก และไขมันที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้เร็วลดอาการท้องอึดท้องผูกอีกด้วย
สำหรับลูกวัยกำลังเจริญเติบโตและเรียนรู้นั้น จำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนเพียงพอ รวมทั้งได้รับนมที่มีสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โปรตีน แคลเซียล โอเมก้า 3, 6, 9 และวิตามิน B2. B6, B12 ฯลฯ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกทั้งด้านร่างกายและสมอง ให้ลูกพร้อมเรียนรู้และมีพัฒนาการรอบด้าน
และในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นไม่สามารถให้นมแม่ได้ หรือต้องการนมเพื่อเสริมโภชนาการ หรือต้องการเปลี่ยนนมให้ลูก ในปัจจุบันก็มีนมแพะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วย ระบบการสร้างน้ำนมแบบอะโพไครน์ ที่มีโปรตีนและไขมันขนาดเล็กย่อยง่าย ช่วยห่างกายดูดซึมได้ดี และนำไปใช้ได้อย่างครบถ้วน เป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพทีแข็งแรงสมบูรณ์ขงลูก และถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญให้ลูกพร้อมเรียนรู้สู่โลกกว้าง และเป็นพื้นฐานที่ดีของลูกในอนาคต เพื่อพัฒนาการที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ คุณแม่จึงควรเลือกนมที่มีคุณประโยชน์และคุณค่าโภชนาการที่เหมาะสมกับการ เจริญเติบโตของลูกค่ะ
การที่คุณแม่ส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้กับลูกน้อย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ได้เล่น ได้แสดงออกอย่างอิสระได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติ ได้ทำงานศิลปะหรือเล่นดนตรีที่ลูกชอบ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการและทักษะด้านต่าง ๆ ให้กับลูกแล้วยังมีส่วนสำคัญในการสร้างตัวตนให้ลูกเป็นเด็กที่กล้าริเริ่มทำ สิ่งใหม่ ๆ มีกระบวนการคิดในการทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญเมื่อเขาเติบโตขึ้นในอนาคตค่ะ
ศิลปะเสริมสร้างพัฒนาการ
หนึ่งในกิจกรรมที่จะทำให้ลูกมีโอกาสได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ก็คือศิลปะนั่นเอง คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้สัมผัสหรือทำงานศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวาดภาพ ระบายสี ปั้นดิน ฯลฯ ตั้งแต่เด็ก ตามความถนัด ความชอบ หรือให้เหมาะกับวัยของเขาค่ะ เพราะศิลปะช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้กับลูกในหลาย ๆ ด้าน เช่น ทักษะการเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก มือ ข้อมือ และนิ้วมือต่าง ๆ ในการจับดินสอขีดเขียนวาดภาพ การใช้แปรงหรือพู่กันสะบัด ระบายสี การบีบ จับ ปั้นแป้งโด หรือดินน้ำมัน การพับ ฉีก แปะติดกระดาษ หรือการประดิษฐ์สิ่งของง่าย ๆ
ทักษะด้านการตัดสินใจ การทำงานศิลปะช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และการคิดแก้ปัญหา ในช่วงเวลาที่ทำงานศิลปะ เด็กมีโอกาสได้คิด ได้เลือก คิดว่าจะวาดภาพแบบไหนเลือกใช้สีอะไร ได้ตัดสินใจ และได้ทดลองทำ
ทักษะด้านภาษา นอกจากเด็ก ๆ จะได้ลงมือทำแล้ว ศิลปะยังช่วยให้เรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ เรื่องสี รูปทรง อุปกรณ์ และกริยาท่าทาง รวมทั้งคำศัพท์ที่ใช้อธิบายสิ่งต่าง ๆ ด้วย
ทักษะในการมองเห็นและมิติสัมพันธ์ ในเรื่องของภาพ รูปทรง สีสัน และการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งช่วยทำให้เด็กมีสมาธิ ใจจดใจจ่อ ในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ
ธรรมชาติและการเรียนรู้นอกบ้าน
การพา ลูกไปเรียนรู้นอกบ้าน ไปสัมผัสธรรมชาติ ภูเขา ทะเล หรือสวนสาธารณะที่มีต้นไม้สีเขียวร่มรื่น มีสนามหญ้ากว้าง ๆ ก็ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ที่ดีให้กับลูกค่ะ นอกจากจะได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์แล้ว ลูกยังได้วิ่งเล่นอย่างอิสระ ได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ ช่วยให้ลูกมีความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้การได้ออกไปเจอกับโลกภายนอก พบปะผู้คน หรือได้เล่นกับเพื่อนคนอื่น ๆ ก็เป็นการเสริมสร้างทักษะทางสังคมให้กับลูกด้วย
เมื่อศิลปะ รวมกัน ธรรมชาติ และการได้ออกไปเรียนรู้นอกบ้าน ก็ยิ่งเพิ่มพลังสร้างสรรค์ในการเรียนรู้ให้กับลูกค่ะ คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกไปสวนสาธารณะ ช่วยลูกวาดภาพทำงานศิลปะในสวน การได้อยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้สนามหญ้าเขียว ๆ ช่วยให้ลูกรู้จักซึมซับและสังเกตธรรมชาติรอบตัว หรือจะพาลูกไปเที่ยวทะเล เดินเล่นริมหาด วาดภาพบนหาดทราย หรือใช้สมาธิกับการก่อปราสาททรายก็ได้นะคะ เมื่อรวมกันแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านให้กับลูก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรจัดสรรช่วงเวลาศิลปะและการเรียนรู้ให้ลูกอย่างส่ำ เสมอค่ะ
นมแม่โภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย
นอกจากจะส่งเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกด้วยศิลปะและธรรมชาติแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกรักเติบโตมีพัฒนาการที่ดี และพร้อมเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ก็คือโภชนาการที่ลูกได้รับนั่นเอง นับจากวันที่ลูกเกิด นมแม่คือโภชนาการแรกที่ลูกได้รับ และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน มีระบบการผลิตน้ำนมแบบอะโพไครน์ (Apocrine) ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติที่เรียกว่า Bioactive Components เช่น ทอรีน นิวคลิโอไทด์ โพลีเอมีน ฯลฯ ในปริมาณสูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย นมแม่ยังมีโปรตีนขนาดเล็ก และไขมันที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้เร็วลดอาการท้องอึดท้องผูกอีกด้วย
สำหรับลูกวัยกำลังเจริญเติบโตและเรียนรู้นั้น จำเป็นต้องได้รับอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนเพียงพอ รวมทั้งได้รับนมที่มีสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โปรตีน แคลเซียล โอเมก้า 3, 6, 9 และวิตามิน B2. B6, B12 ฯลฯ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกทั้งด้านร่างกายและสมอง ให้ลูกพร้อมเรียนรู้และมีพัฒนาการรอบด้าน
และในกรณีที่คุณแม่มีความจำเป็นไม่สามารถให้นมแม่ได้ หรือต้องการนมเพื่อเสริมโภชนาการ หรือต้องการเปลี่ยนนมให้ลูก ในปัจจุบันก็มีนมแพะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกด้วย ระบบการสร้างน้ำนมแบบอะโพไครน์ ที่มีโปรตีนและไขมันขนาดเล็กย่อยง่าย ช่วยห่างกายดูดซึมได้ดี และนำไปใช้ได้อย่างครบถ้วน เป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพทีแข็งแรงสมบูรณ์ขงลูก และถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญให้ลูกพร้อมเรียนรู้สู่โลกกว้าง และเป็นพื้นฐานที่ดีของลูกในอนาคต เพื่อพัฒนาการที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ คุณแม่จึงควรเลือกนมที่มีคุณประโยชน์และคุณค่าโภชนาการที่เหมาะสมกับการ เจริญเติบโตของลูกค่ะ
การที่คุณแม่ส่งเสริมโภชนาการที่ดีให้กับลูกน้อย รวมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ได้เล่น ได้แสดงออกอย่างอิสระได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติ ได้ทำงานศิลปะหรือเล่นดนตรีที่ลูกชอบ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการและทักษะด้านต่าง ๆ ให้กับลูกแล้วยังมีส่วนสำคัญในการสร้างตัวตนให้ลูกเป็นเด็กที่กล้าริเริ่มทำ สิ่งใหม่ ๆ มีกระบวนการคิดในการทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญเมื่อเขาเติบโตขึ้นในอนาคตค่ะ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment